"ดีพร้อม" เดินหน้ากิจกรรม Train The Trainer ปั้นผู้สอน ส่งต่อทักษะเชฟอาหารไทยมืออาชีพสู่ชุมชน ตามนโยบาย "รมว.เอกนัฏ"
กรุงเทพฯ 6 มกราคม 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเป็นครูผู้สอน (Train The Trainer) รุ่น 3 - 5 ภายใต้โครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) และผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยมี นางสาวอริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กล่าวรายงาน ณ ห้อง Grand Ballroom ช้ัน 3 อาคารศูนย์การเรียนรู้อาหารไทย สถาบันอาหาร กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ครูผู้สอน ที่จะมีหน้าที่ไปพัฒนาทักษะให้กับผู้เข้าอบรมหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ โดยแบ่งการจัดอบรมเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 18 - 22 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา และช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 - 10 มกราคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดความรู้และทักษะที่จำเป็นในการเป็นผู้สอนอย่างมืออาชีพ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ การประเมินผล และการใช้เครื่องมือเพื่อการบริหารจัดการการอบรม ทั้งนี้ หลักสูตรการฝึกอบรมจะเน้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจและทักษะในการสื่อสารที่ดี อีกทั้งเสริมสร้างแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ทันสมัย ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนในยุคปัจจุบัน ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการสร้างความเข้าใจและเตรียมความพร้อมครูผู้สอนแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ครูผู้สอนได้ไปศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องในสาขาอาชีพอีกด้วย
22 ม.ค. 2568
กระทรวงอุตสาหกรรม จัดพิธีทำบุญตักบาตรรับปีใหม่ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคล
กรุงเทพฯ 6 มกราคม 2568 - นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางดวงดาว ขาวเจริญ นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง และถวายปัจจัยแด่พระสงฆ์ จำนวน 18 รูป เนื่องในโอกาสวันขึ้นใหม่ พ.ศ. 2568 ณ อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมสักการะพระนารายณ์ที่ประดิษฐานประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย
22 ม.ค. 2568
ปลัดฯ ณัฐพล นำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2568
กรุงเทพฯ 1 มกราคม 2568 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 เข้าร่วมด้วย ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
22 ม.ค. 2568
"ดีพร้อม" จับมือ "TAPMA" ผลักดันผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ตามนโยบาย "รมว.เอกนัฏ" ยกระดับภาคอุตสาหกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน
กรุงเทพฯ 27 ธันวาคม 2567 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเข้าร่วมหารือกับสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย นำโดย นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย นายโกวิทย์ ว่องกลกิจศิลป์ อุปนายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย นางสาวอนุษฐา เชาว์วิศิษฐ เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ดร.อัญชนา ส่วนมนทิระ ผู้จัดการสายงานธุรกิจ นางสาวมณฤนัญ เมธิธนศิล ผู้จัดการสายงานบริหาร พร้อมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายมนตรี วงค์มั่นกิจการ ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมดังกล่าว เป็นการร่วมกันหารือแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาป (ICE) และผู้ประกอบการยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ตลอดห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ทั้งนี้ จะร่วมมือกันสนับสนุนผู้ประกอบการที่ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องด้วยการหาโอกาสใหม่ ๆ จากฐานอุตสาหกรรมเดิม และต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมสมัยใหม่ (S-Curve) เช่น เครื่องมือแพทย์ ระบบราง หรืออากาศยาน รวมทั้ง การสร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการในกลุ่ม BEV เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงนโยบาย Last man standing ที่จะยังสนับสนุนการผลิตรถยนต์สันดาปควบคู่ยานยนต์ไฟฟ้า ร่วมกับการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในภาพรวม เพื่อกระตุ้นการผลิตภายในประเทศและสร้างความสามารถในการแข่งขัน ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ดีพร้อม ได้ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อผลักดันการต่อยอดนโยบายดังกล่าวต่อไป ในส่วนของสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) ได้นำเสนอการจัดงานแสดงสินค้าชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ไทย หรือ TAPA 2025 โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 - 5 เมษายน 2568 ซึ่งจะดำเนินการจัดกิจกรรมร่วมกับดีพร้อม เช่น การร่วมออกบูธนิทรรศการ คลินิกอุตสาหกรรมให้คำปรึกษาแนะนำด้านธุรกิจและอุตสาหกรรม การจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบในกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการและผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย ให้ก้าวข้ามความท้าทายและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันสู่สากลอย่างแท้จริง
22 ม.ค. 2568
"ดีพร้อม" ประชุมคณะทำงานหนังสือรายงานประจำปี 2567 เตรียมปรับเปลี่ยนกระบวนงาน ขานรับนโยบาย "รมว.เอกนัฏ"
กรุงเทพฯ 26 ธันวาคม 2567 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมคณะทำงานจัดทำหนังสือรายงานประจำปี 2567 พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมดังกล่าว เป็นการร่วมกันหารือถึงแนวทางการจัดทำหนังสือรายงานประจำปี 2567 ในด้านการจัดทำแผนการดำเนินงาน การวางรูปแบบและเนื้อหาภายในรายงานประจำปี พร้อมคัดเลือกผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ (Success Case) โดยในหน้าแรกของหนังสือรายงานประจำปี 2567 คณะทำงานฯ ได้มีมติให้ประชาสัมพันธ์การได้รับรางวัลศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการโดดเด่น ประจำปี 2566 - 2567 ของดีพร้อม นอกจากนี้ ยังกำหนดคอลัมน์พิเศษ 5 หัวข้อ ได้แก่ 1) การเข้าร่วมงานโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 "อุตสาหกรรมรวมใจ ลดคาร์บอนไทย 7.2 ล้านตัน"ฯ 2) รางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2567 3) โครงการยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ สาขาอาหารและสาขาแฟชั่น 4) การลงนามผสานความร่วมมือ 8 หน่วยงานขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล และ 5) การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อรายงานผลการดำเนินงานตามภารกิจให้สอดคล้องกับตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และสอดรับกับนโยบายกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในด้านของการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ และผู้ให้บริการธุรกิจอุตสาหกรรม ทั้งนี้ มีกำหนดจัดงานแถลงข่าวนโยบายของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในวันที่ 14 มกราคม 2568 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) ซึ่งคณะทำงานฯ จะนำนโยบายดังกล่าวมาจัดทำบทสัมภาษณ์และออกแบบปกหนังสือรายงานประจำปี 2567 ต่อไป
21 ม.ค. 2568
รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ นำทีม ก.อุตฯ ร่วมกิจกรรมจิตอาสาฯ น้อมรำลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9
กรุงเทพฯ 23 ธันวาคม 2567 - นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกิจกรรมจิตอาสา “อุตสาหกรรมรวมใจ ทำความดีด้วยหัวใจ” เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ โดยมี นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกภัทร วังสุวรรณ นายบรรจง สุกรีฑา นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ นายศุภกิจ บุญศิริ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมด้วย ณ สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวว่า เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ข้าพระพุทธเจ้า นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยเหล่าจิตอาสาพระราชทาน ที่ได้มาพร้อมกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ มีความปลาบปลื้มปีติ เป็นล้นพ้น ที่ได้มาร่วมแสดงความจงรักภักดี และรำลึกถึงในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แห่งองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณประเสริฐยิ่ง และทรงสร้างความเจริญรุ่งเรือง ให้แก่ประเทศไทยนานัปการ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ จึงร่วมกันจัดกิจกรรมจิตอาสา “อุตสาหกรรมรวมใจ ทำความดีด้วยหัวใจ” ประกอบด้วย 1. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและระบบส่องสว่างทางเดินเพื่อความปลอดภัยในการสัญจรในช่วงเวลากลางคืน 2. กำจัดวัชพืชเพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย และ 3. ทำความสะอาดและปรับภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบลานเทวาลัยองค์พระนารายณ์ เพื่อสร้างจิตสาธารณะและปลูกจิตสำนึกในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม
21 ม.ค. 2568
“เอกนัฏ” เสริมแกร่งอุตสาหกรรมฮาลาล ผสาน “8 หน่วยงาน 22 สินเชื่อ” ดันผู้ประกอบการไทยสู่การส่งออก
กรุงเทพฯ 25 ธันวาคม 2567 – ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมงานข่าวการสนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล “เรียนแล้ว รับรองได้ ลงทุนง่าย ขายส่งออกเป็น” โดยมี ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรม พร้อมด้วย นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางสาวดรัสวันต์ ชูวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย นายกิตติพงษ์ บุรณศิริ รองผู้จัดการทั่วไป สายงานกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พล.ต.ต. สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (สกอท.) รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายศุภกิจ บุญศิริ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายเดชา จาตุธนานันท์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายกฤศ จันทร์สุวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณิรดา วิสุทธิชาติธาดา ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุรพล ชามาตย์ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม เข้าร่วม ณ ห้องประชุม ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตอาหารและการบริการที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และมีรสชาติตามความต้องการของผู้บริโภคโดยเฉพาะในตลาดมุสลิมที่มีประชากรจำนวนมากและมีแนวโน้มการบริโภคที่สูงขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐาน ผ่านกระบวนการตรวจการรับรองฮาลาล รวมทั้งการบริการที่ต้องมีกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทานถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม และสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้ ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้สนับสนุนเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลตามมติคณะกรรมการอุตสาหกรรมฮาลาลแห่งชาติ (กอฮช.) ครั้งที่ 1/2567 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการ ผ่านกิจกรรม "เรียนแล้ว รับรองได้ ลงทุนง่าย ขายส่งออกเป็น" ภายใต้แนวคิด สานพลังแหล่งเงินทุน รวมพลัง 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม รวมไปถึงการพัฒนาและส่งเสริมการทดสอบ และการรับรองมาตรฐานฮาลาล โดยสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลของประเทศให้มีศักยภาพ สามารถเติบโต และแข่งขันสู่สากลได้อยางยั่งยืน นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลผ่านกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ได้แก่ สินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีก) วงเงิน 1,200 ล้านบาท และ สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ (คงกระพัน) วงเงิน 700 ล้านบาท และจะมีโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมฮาลาลวงเงิน 7 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญ เช่น กิจกรรมการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการตลาด การส่งออก และการประชาสัมพันธ์ กิจกรรมการวินิจฉัยและให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกสถานประกอบการในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และการขอรับรองมาตรฐานฮาลาล นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลผ่านการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐาน เชื่อมโยงเครือข่ายแหล่งเงินทุน เสริมแกร่งด้วยหน่วยงานส่งเสริมความรู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ฮาลาลไทยทั่วประเทศให้เติบโตในตลาดสากลอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ดีพร้อม มีแหล่งเงินทุนสนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล ได้แก่ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย (DIPROM Pay) ประกอบด้วยวงเงินกู้ระยะสั้น สำหรับหมุนเวียนในธุรกิจ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท และวงเงินกู้ระยะยาวสำหรับลงทุนในสินทรัพย์ถาวร วงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อเพื่อลงทุนหรือขยายธุรกิจ DIPROM Pay for BCG วงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการที่ผ่านการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมด้านฮาลาลโดยดีพร้อม ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ปลอดเงินต้นเป็นระยะเวลา 12 งวด หรือ 1 ปี นางสาวดรัสวันต์ ชูวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า EXIM BANK พร้อมสนับสนุนและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างมากในเวทีโลก ผ่านนวัตกรรมทางการเงิน ทั้งสินเชื่อและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุน โดย EXIM BANK สานพลังกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยที่มีความพร้อมทั้งด้านความรู้ เครือข่ายธุรกิจ และเงินทุนที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจใน Supply Chain การส่งออกสินค้าอาหารโลก แคมเปญพิเศษเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ของ EXIM BANK สำหรับผู้ส่งออกสินค้าฮาลาล ประกอบด้วย 1. โปรแกรมสินเชื่อเงินทุน Halal อุ่นใจ เพื่อเสริมสภาพคล่องสำหรับใช้หมุนเวียนในกิจการหรือลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต วงเงินอนุมัติสูงสุด 200 ล้านบาท อัตราพิเศษเริ่มต้นเพียง 3.25% ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดถึง 10 ปี ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลแล้วหรือมีรายได้จากการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศภายใต้องค์การความร่วมมืออิสลาม (The Organization of Islamic Cooperation: OIC) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 57 ประเทศ สามารถขอรับอัตราพิเศษเพิ่มเติมเหลือเพียง 2.99% สำหรับ 6 เดือนแรก และ 2. โปรแกรมประกัน Halal สบายใจ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขยายตลาดได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ วงเงินรับประกันสูงสุด 2 ล้านบาทต่อกรมธรรม์ อัตราความคุ้มครอง 70% ของมูลค่าความเสียหาย สิทธิพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ สามารถเลือกรับความคุ้มครองผู้ซื้อ 1 ราย (วงเงินคุ้มครอง 300,000 บาท) หรือส่วนลดค่าประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อมูลค่า 2,000 บาท และรับเพิ่มเป็น 2 ราย หรือเลือกรับส่วนลดค่าประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อเพิ่มเป็น 4,000 บาทสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลหรือมีรายได้จากการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ OIC นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ธนาคารได้จัดเตรียมบริการ “ด้านการเงินควบคู่ด้านการพัฒนา” ไว้สนับสนุนยกระดับสร้างมาตรฐานต่อยอดผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสู่อุตสาหกรรมฮาลาล คว้าโอกาสประสบความสำเร็จจากตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับด้าน “การเงิน” ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ครอบคลุมทุกความต้องการ เช่น สินเชื่อ Smile Biz ธุรกิจฮาลาลยิ้มได้ ช่วยเสริมสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 6.4%ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี , สินเชื่อ SME Green Productivity For SMEs Halal สนับสนุนก้าวสู่อุตสาหกรรมสีเขียว อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี , สินเชื่อ BCG Economy For SMEs Halal ลงทุน ปรับปรุง ขยายธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.65% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 15 ปี และสินเชื่อ Refinance Plus For SMEs Halal ช่วยลดต้นทุน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.99% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 15 ปี เป็นต้น ควบคู่กับด้าน “การพัฒนา” ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ที่สะดวกสบาย ช่วยเสริมแกร่งธุรกิจครบวงจรตลอด 24 ชม. ทุกที่ ทุกเวลา และที่สำคัญ สำหรับในโครงการนี้ ธนาคารจัดเตรียมแคมเปญพิเศษเพื่อเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ 2568 ด้วยการมอบโปรโมชั่น 3 ต่อ ให้แก่ผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคาร ได้แก่ ต่อที่ 1) เมื่อยื่นขอสินเชื่อ ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป เอกสารครบตั้งแต่ 2 ม.ค.- 28 ก.พ. 2568 และได้รับอนุมัติภายใน 31 มี.ค. 2568 จะได้ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ สูงสุดล้านละ 5,000 บาท ต่อที่ 2) รับ 500 Point นำไปใช้ประโยชน์ในแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank และต่อที่ 3) นำ Point มาแลกรับเครื่องมือต่อยอดธุรกิจต่าง ๆ จาก SME D Bank ฟรี เช่น ค่าอบรม Premium Couser และระบบริหารธุรกิจ ERP เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ฝ่ายส่งเสริมการตลาด โทร.02-265-4598, 4961, 4064 หรือ Call Center 13 ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) กล่าวว่า ความร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมครั้งนี้ ไอแบงก์ได้จัดแพ็กเกจสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเริ่มต้นและต่อยอดให้แก่ธุรกิจฮาลาลตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างความพร้อมผ่านสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง หรือเป็นเงินทุนสำหรับขยายธุรกิจ ตลอดจนสินเชื่อเพื่อนำเข้าเครื่องจักรหรือวัตถุดิบ และส่งออกสินค้าฮาลาลไปนานาประเทศ ด้วยอัตรากำไรเริ่มต้น 2 ปีแรกเพียง 3.50% ต่อปี กรณีผู้ประกอบการไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือหลักประกันไม่เพียงพอก็สามารถขอสินเชื่อกับไอแบงก์ได้ กรณีผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการมีเครื่องหมายฮาลาลไอแบงก์มอบส่วนลดอัตรากำไรเพิ่มให้ กรณีไม่มีเครื่องหมายฮาลาลไอแบงก์สามารถสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถขอเครื่องหมายฮาลาลได้โดยการอำนวยความสะดวกส่งต่อให้แก่หน่วยงานพันธมิตรได้แก่คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการออกเครื่องหมายรับรองฮาลาลได้ รวมถึงการต่อยอดผู้ประกอบการสู่การส่งออกที่ไอแบงก์มีความร่วมมือกับ EXIM ตั้งแต่ปี 2566 และมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการมากกว่า 500 ราย ซึ่งมีมูลค่าการให้สินเชื่อและการรับประกันการส่งออกสูงกว่า 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ไอแบงก์ยังสามารถเชื่อมโยงผู้ประกอบการฮาลาลเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาคมการค้านักธุรกิจไทยมุสลิม (TMTA) หรือ สมาชิกสถาบันนักธุรกิจมุสลิม Muslim Business Matching (MBM) เพื่อเปิดโอกาสสร้างสายสัมพันธ์กับกลุ่มนักธุรกิจมุสลิมในประเทศไทยและทั่วโลกด้วย ดังนั้น นอกจากไอแบงก์จะมีความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนห่วงโซ่ของธุรกิจฮาลาลหรือ Halal Supply Chain แล้ว ยังมีความพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในองค์กรที่ร่วมผลักดันการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทยสู่ฮาลาลโลกได้ นายกิตติพงษ์ บุรณศิริ รองผู้จัดการทั่วไป สายงานกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ (บสย.) กล่าวว่า บสย. เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังทำหน้าที่ค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพแต่หลักประกันไม่เพียงพอ ได้ขานรับนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล ด้วยโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 11 SMEs ยั่งยืน ในวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท โดยมีผลิตภัณฑ์สำคัญ เช่น 1) Smart Green อนาคตที่ยั่งยืน กับแหล่งเงินทุนที่ SMEs เข้าถึงได้ เหมาะสำหรับธุรกิจ BCG หรือ ESG ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วงเงินค้ำประกันสูงสุด 1 - 40 ล้านบาทต่อราย ค่าธรรมเนียมต่อปี 1.5% ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปีแรก และ 2) SMEs Ignite Biz เฉพาะ SMEs ประเภทนิติบุคคลที่ต้องการเงินลงทุนหมุนเวียนในกลุ่มการท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพ ขนส่ง ยานยนต์แห่งอนาคต การบิน การเงิน เศรษฐกิจดิจิทัล และธุรกิจอาหาร โดยยื่นคำขอให้ค้ำประกันขั้นต่ำครั้งละไม่น้อยกว่า 0.2 ล้านบาท สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย ค่าธรรมเนียมต่อปี 1.5% ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก เป็นต้น พล.ต.ต. สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย(สกอท.) กล่าวว่า สกอท. เป็นองค์กรศาสนาอิสลามที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ที่ไม่ได้แสวงหากำไร เป็นผู้ให้การรับรองฮาลาลและอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองฮาลาล ขานรับนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล โดยส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมให้มีการขอใบรับรองผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลแก่สินค้าและบริการเพื่อผลิตสินค้าและบริการฮาลาลที่สะอาดปลอดภัยตามหลักการศาสนาอิสลามและเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการฮาลาลรวมทั้งเพื่อสนองตอบความต้องการตลาดที่ต้องการสินค้าและบริการฮาลาลได้ รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.จฬ.) กล่าวว่า ศวฮ.จฬ. ให้บริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่สังคม ประกอบด้วย งานบริการทางห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล งานวิจัยและนวัตกรรม งานบริการวิชาการ/หลักสูตร งานบริการหน่วยงานภายนอก ขานรับนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล โดยส่งเสริมให้การพัฒนางานบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาล การใช้วิทย์เทคฮาลาลและการพัฒนาฮาลาลบล็อกเชน งานบริการทางห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล งานวิจัยและนวัตกรรม การให้คำปรึกษาด้านการบ่มเพาะวิสาหกิจฮาลาล การพัฒนานวัตกรรม งานบริการชำระล้างนญิสทุกชนิดด้วยน้ำยาคอลลอยด์ดิน HALKLEAN งานพัฒนา Halal Blockchain แก่ภาคอุตสาหกรรม งานพัฒนาแอปพลิเคชันร้านอาหารและการท่องเที่ยว Halal Route งานบริการฐานข้อมูลสารเคมีวัตถุดิบฮาลาลตามระบบ H numbers เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันฮาลาลของประเทศไทย
21 ม.ค. 2568
"อธิบดีดีพร้อม" ปั้นเชฟชุมชน ปูทางการรังสรรค์ เมนูอาหารถิ่น Amazing Thai Taste ตอบโจทย์ซอฟต์พาวเวอร์ ดัน OFOS ตามนโยบาย "รมว.เอกนัฏ"
กรุงเทพฯ 24 ธันวาคม 2567 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ "เชฟชุมชน" ภายใต้กิจกรรมพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชน อาหารถิ่นอาหารไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ร่วมด้วย นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) โดยมี นางสาวอริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การฝึกอบรมดังกล่าว เป็นการเสริมสร้างการรังสรรค์เมนูจากวัตถุดิบท้องถิ่นเป็นอาหารรสเลิศ “เมนูอาหารถิ่น Amazing Thai Taste” ผ่านการจัดทำสูตรมาตรฐานให้ทุกจานมีรสชาติที่สม่ำเสมอ ยกระดับเมนูท้องถิ่นด้วยศิลปะการจัดจาน เทคนิคการเล่าเรื่องอาหารให้โดนใจผู้บริโภค รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุน วัตถุดิบ การตั้งราคา และสามารถต่อยอดอาหารสู่การเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปในอนาคตเพื่อเพิ่มมูลค่าอาหารอย่างครบวงจร เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจแก่ผู้ประกอบการชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้เติบโตและเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่อยู่ภายใต้กิจกรรมพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชน อาหารถิ่นอาหารไทย ที่มุ่งเน้นการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น ผ่านวัฒนธรรมอาหารไทย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ถือเป็นการพัฒนาบุคลากรในชุมชนให้ประกอบธุรกิจร้านอาหารแบบมืออาชีพ และสามารถพัฒนาสู่ธุรกิจอื่น ๆ ที่สอดรับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับอุตสาหกรรมทั้ง 14 สาขา ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ภายใต้เป้าหมายใหญ่ร่วมกัน คือ “สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้” และตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ สาขาอาหาร ในการเดินหน้านโยบาย One Family One Soft Power : OFOS พร้อมขับเคลื่อนการส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางอาหารระดับโลก (Global Food Hub) และสานต่อความสำเร็จแผนงานด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2567-2570) คาดสร้างงานและอาชีพกว่า 75,000 ตำแหน่ง เพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจของประเทศกว่า 3,500 ล้านบาท
21 ม.ค. 2568
เหมืองแร่เพื่อชุมชน... "เอกนัฏ" มอบกรมเหมืองฯ ฉีด 525 ล้านบาท พัฒนา 187 ชุมชน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมรอบเหมือง
กรุงเทพฯ 23 ธันวาคม 2567 - นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวการจัดสรรเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Industrial Reform - ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย” โดยมี ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ดร.ไพลิน เทียนสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกภัทร วังสุวรรณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานภาคเอกชนของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ณ ห้องประชุมทองคำ อาคารกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำหรับการจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ 187 ชุมชนทั่วประเทศ มูลค่ารวมกว่า 525 ล้านบาท โดยเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐเป็นเงินที่ได้จากผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ที่ได้รับสิทธิในการสำรวจแร่หรือการทำเหมือง และดำเนินการตามแนวคิด ‘เหมืองแร่เพื่อชุมชน’ เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำเหมืองควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนที่เป็นที่ตั้งของแหล่งแร่ ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยพัฒนาภาคอุตสาหกรรม สังคม และชุมชนให้เติบโตร่วมกันได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังถือเป็นการกระจายอำนาจให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมีอิสระไปจัดทำโครงการเพื่อใช้จ่ายเงินภายใต้วัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนดสองด้าน คือ การสำรวจและวิจัยเกี่ยวกับแร่ หรือ การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม อันจะช่วยให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการจัดสรรเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐ สามารถที่จะนำเงินส่วนนี้ไปใช้พัฒนาชุมชนโดยรอบเหมืองภายใต้วัตถุประสงค์ดังกล่าว นอกจากนี้ ในปีงบประมาณถัดไป กพร. ยังมีแผนที่จะจัดสรรเงินกระจายสู่ชุมชนอื่นที่อยู่โดยรอบการประกอบกิจการเหมืองแร่เพิ่มเติม โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะสามารถจัดสรรเงินนี้ได้ปีละไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเร่งให้ชุมชนได้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยแท้จริง
21 ม.ค. 2568
"ดีพร้อม" เร่งเดินหน้าโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ปี 68 ตามนโยบาย "รมว.เอกนัฏ" ปลดล็อกศักยภาพคนไทย เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้อย่างยั่งยืน
กรุงเทพฯ 20 ธันวาคม 2567 – นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในการประชุมชี้แจงกรอบแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ร่วมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมดังกล่าว เป็นการชี้แจงกรอบแนวทางการดำเนินโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ผ่านแผนยุทธศาสตร์ตามเป้าหมายห่วงโซ่คุณค่าการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม คือ ส่งเสริมวัฒนธรรม ธุรกิจ และความเป็นไทยให้ก้าวสู่ซอฟต์พาวเวอร์ในระดับสากล เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการของประเทศไทย ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งส่งเสริมการยกระดับภูมิปัญญาไทยไปสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ และยกระดับทักษะ ปลดล็อกศักยภาพคนไทยเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ ตลอดจนการสานต่อเศรษฐกิจเชิงรุกเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุน โดยปี 2568 ดีพร้อม ดำเนินโครงการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ต่อเนื่อง 2 สาขา ได้แก่ 1) สาขาแฟชั่น ผ่าน 3 โครงการหลัก ทั้งการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นไทยสู่สากล และเชื่อมโยง/แลกเปลี่ยนองค์ความรู้แฟชั่นระหว่างประเทศ และ 2) สาขาอาหาร ผ่าน 4 โครงการหลัก คือ พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านอาหารไทยผ่านโครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย พัฒนาศักยภาพร้านอาหารเชฟชุมชนผ่านโครงการ Local Chef Restaurant ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหารชุมชนผ่านโครงการยกระดับศูนย์นวัตกรรมอาหารชุมชน ตลอดจนพัฒนาศักยภาพธุรกิจอาหารจากไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังได้มีการชี้แจงขั้นตอน กระบวนการ และแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระเบียบ ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ยังได้หารือถึงรูปแบบการเชื่อมโยงระบบสารสนเทศของดีพร้อม กับสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA โดยจะเชื่อมโยงฐานข้อมูลผู้ลงทะเบียนในระบบ OFOS กับระบบ E-Service ของดีพร้อม หรือระบบ Job DIPROM เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินงาน Upskill/Reskill บุคลากรซอฟต์พาวเวอร์ มีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากขึ้น
21 ม.ค. 2568