การยื่นขอสินเชื่อธนาคาร


25 พ.ย. 2564    nutnaree    543

 

    คำถามยอดฮิตของผู้ประกอบการรายใหม่ที่ชอบถามว่า “การขอสินเชื่อธนาคารนี่ยากไหม” “ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะได้เงินกู้” คำตอบก็คือการกู้เงินจะยากหรือง่ายก็ ขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้

 

     1. เงินกู้ที่จะขอนั้นไปใช้ทำอะไร หากคุณตอบว่าไปใช้หนี้เก่า ธนาคารก็จะไม่มีทางให้เงินกู้คุณเด็ดขาด เพราะเงินกู้ที่ได้ไปควรนำไปก่อเกิดประโยชน์ในกิจการได้ เช่น นำเงินไปซื้อวัตถุดิบเพราะมีออเดอร์เพิ่มเข้ามาแต่เพราะว่าไม่มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอที่ไปซื้อวัตถุดิบได้


     2. หากกู้เงินไปเพื่อลงทุนในธุรกิจใหม่ก็จำเป็นต้องมีเงินลงทุนของตนเองมากกว่าเงินที่จะกู้จากธนาคาร ผู้ประกอบการบางรายต้องการลงทุนประมาณ 1 ล้านบาทแต่มีเงินทุนส่วนตัวแค่ 100,000 บาทเท่านั้น ลองคิดดูว่าหากมีใครมากู้เงินจากคุณจำนวน 900,000 บาทในขณะที่เขามีเงินลงทุนเพียง 100,000 บาทเท่านั้น คุณคิดว่าจะให้เขากู้ไหม ดังนั้นโครงสร้างเงินทุนเป็นเรื่องสำคัญที่ธนาคารจะใช้ในการพิจารณา หากเรามีเงินลงทุนประมาณ 60-70% ของการลงทุนและอีก 30% ที่เหลือไปขอสินเชื่อจากธนาคารก็มีโอกาสที่จะได้เงินกู้มากทีเดียว


     3. การเดินบัญชีและการรักษาเครดิตของกิจการและของเจ้าของกิจการ มีความสำคัญมาก หากมีหนี้บัตรเครดิตหรือขาดการผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์แม้จะไม่เคยมีวงเงินกู้กับธนาคารก็ตาม แต่เมื่อธนาคารขอความยินยอมตรวจสอบข้อมูลจากเครดิตบูโรแล้วพบว่ามีหนี้เช่าซื้อค้างชำระประมาณ 2-3 งวด โอกาสที่ได้เงินกู้ก็ยากขึ้น


     4. ธนาคารจะวิเคราะห์ว่าธุรกิจที่ผู้ประกอบการมาขอสินเชื่อเป็นธุรกิจที่มีโอกาสสร้างกำไรได้หรือไม่ มีแนวโน้มธุรกิจเป็นอย่างไร และดูภาพรวมของกิจการทั้งหมดด้วย หากเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งขันจำนวนมากและยังต้องให้เครดิตเทอมกับลูกหนี้การค้าเป็นระยะเวลาที่ยาวด้วย รวมทั้งผลตอบแทนกำไรที่ต่ำก็อาจจะไม่อนุมัติสินเชื่อให้ก็ได้


     5. ผู้ขอสินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือไม่ หากเป็นเงินกู้จำนวนไม่มากเช่นอยู่ในวงเงินไม่เกิน 200,000 บาทธนาคารก็มักจะขอให้หาบุคคลค้ำประกันแทน ซึ่งคุณสมบัติของบุคคลที่ค้ำประกันควรเป็นข้าราชการหรือพนักงานประจำที่มีเงินเดือนแน่นอน สำหรับวงเงินสินเชื่อที่สูงกว่านั้นธนาคามักจะขอหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เป็นที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง อาคาร โรงงาน หรือบ้านที่อยู่อาศัยของเจ้าของกิจการ ซึ่งหากกิจการนั้นมีศักยภาพในการแข่งขันสูงแม้ว่าหลักทรัพย์ค้ำประกันจะมีราคาที่ต่ำกว่าวงเงินที่ขอสินเชื่อไปก็ตาม ทางธนาคารก็จะไปขอให้บรรษัทประกันสินเชื่อุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย) เป็นผู้ค้ำประกันในส่วนที่ขาดไปโดยคิดค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเพิ่มจากดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระให้กับธนาคารโดยค่าธรรมเนียมเหล่านี้เป็นรายได้ของ บสย.


     6. เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารมีความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมาก่อนหรือไม่ มีความสามารถในการเจาะตลาดเพื่อขายสินค้าของตนเองหรือไม่ มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เคยเป็นลูกค้าเก่าหรือไม่ หากคุณมีใบสั่งซื้อสินค้าก็ควรนำไปเพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาสินเชื่อด้วย

 

     ผู้ประกอบการที่สนใจจะยื่นขอกู้กับธนาคารควรตรวจสอบว่าธุรกิจตนเองมีคุณสมบัติที่ดีตามปัจจัยที่กล่าวมาแล้วหกข้อข้างบนหรือไม่ หากมีครบถ้วนก็ไปยื่นขอกู้จากธนาคารได้เลย โดยธนาคารทั่วไปจะมี ขั้นตอนการขอสินเชื่อดังนี้

  • กรอกแบบฟอร์มการขอกู้เงินพร้อมส่งเอกสารสำคัญของกิจการทั้งหมด (หากมีแผนธุรกิจก็นำส่งด้วยเพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณา)

  • เจ้าหน้าที่สินเชื่อเข้าไปเยี่ยมชมสถานประกอบการพร้อมสัมภาษณ์เจ้าของหรือผู้บริหาร หากสนใจในการให้สินเชื่อเจ้าหน้าที่ก็ให้ลงนามยินยอมในการตรวจสอบข้อมูลของผู้ขอกู้จากเครดิตบูโร

  • เจ้าหน้าที่สินเชื่อขอหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือบุคคลค้ำประกัน โดยมีการประเมินราคาหลักประกันก่อนทุกครั้ง

  • เจ้าหน้าที่สินเชื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหรืออาจขอเอกสารเพิ่มเติมจากผู้กู้ เมื่อได้ครบถ้วนก็จะนำจัดทำรายงานขออนุมัติสินเชื่อส่งให้กับฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อต่อไป

  • เรื่องขอสินเชื่อถูกส่งไปยังฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อ โดยมีการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาในหกข้อข้างต้นและฝ่ายวิเคราะห์ยังมีการตรวจสอบและรับราคาประเมินทรัพย์สิน หากฝ่ายวิเคราะห์ตรวจสอบแล้วเห็นควรอนุมัติก็จะส่งฝ่ายบริหารหรือผู้มีอำนาจในการอนุมัติสินเชื่อ

  • รอผลการพิจารณาอนุมัติจากผู้มีอำนาจหรือคณะกรรมการสินเชื่อ

  • แจ้งผลการพิจารณากับผู้ขอสินเชื่อ

 

     จากขั้นตอนการขอสินเชื่อจนถึงการพิจารณาอนุมัตินั้นอาจใช้ระยะเวลาพอสมควรขึ้นอยู่ว่าเป็นธนาคารไหน และขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อว่ามีผู้ยื่นมากน้อยเพียงใด บางธนาคารมีการจัดโปรโมชั่นการให้สินเชื่อก็จะมีคิวที่ยาวและอาจต้องใช้เวลานานมาก โดยทั่วไปการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์จะเร็วกว่าธนาคารภาครัฐคือประมาณ 1-3 เดือนก็จะทราบผลการพิจารณา สำหรับธนาคารภาครัฐอาจกินเวลาที่ยาวที่สุดคือ 6 เดือนแต่โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 2-4 เดือน ก็จะทราบผลการพิจารณาได้ สำหรับขั้นตอนการรับเงินกู้จะใช้เวลาไม่นานหากผลการพิจารณาอนุมัติแล้วเพียงแต่ผู้กู้ต้องรีบจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อจะได้รับเงินกู้โดยเร็ว