“เอกนัฏ” ปาฐกถาพิเศษ FTI EXPO 2025 เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน
15 กุมภาพันธ์ 2568 - นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ แนวทางการปฏิรูปภาคอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต
ในงาน FTI EXPO 2025 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “EMPOWERING THAI INDUSTRY, ELEVATING THAILAND’S FUTURE เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน” โดยมี นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ ณ Hall 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย มีพื้นที่เศรษฐกิจ EEC พื้นที่การนิคมอุตสาหกรรมเป็นแรงผลักดันสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และที่สำคัญมีสภาอุตสาหกรรมที่ช่วยผลัดดันภาคอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ที่ทันสมัย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ปัญหาท้าทายภาคอุตสาหกรรมไทยในปัจจุบัน เช่น ปัญหาการเผาอ้อย จับสินค้าเถื่อนไม่ได้มาตราฐาน กระทรวงอุตสาหกรรมได้ใช้มาตราการอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหา แต่วันนี้ภารกิจที่กระทรวงอุตสาหกรรมเผชิญต้องได้ร่วมมือกับทางสภาอุตสาหกรรมในการปฏิรูปอุตสาหกรรม ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี Ai ปัญญาประดิษฐ์มาแก้ไขปัญหา และส่งเสริมสนับสนุนภาคเอกชนให้สามารถประกอบกิจการได้อย่างสะดวกและมีความรับผิดชอบ ในอนาคตกระทรวงอุตสาหกรรมจะนำเทคโนโลยี Ai ปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในกระบวนการออกใบอนุญาต ให้มีความโปร่งใส มีความสะดวกมากขึ้น
ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ปลดล็อก“โซลาร์รูฟท็อป” โดยผู้ประกอบการหรือประชาชนไม่ต้องขอใบอนุญาต รง.4 เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในทุกภาคส่วน ปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมผลักดัน พรบ.กากอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นกฎหมายสำคัญในการจัดการและแก้ไขปัญหากากอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ส่ง
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
“กระทรวงอุตสาหกรรมและทุกภาคส่วนยินดีสนับสนุนผู้ประกอบการไทยอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมที่จะปรับแก้ไขใช้เทคโนโลยีสร้างความสะดวกและโปร่งใส เตรียมความพร้อมให้ SME ไทยขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ปฎิรูปอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เข้มแข็งและยั่งยืน“ รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวปิดท้าย