“ดีพร้อม” ร่วมเป็นสักขีพยานพิธี MOU ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมและสถาบันยานยนต์ พร้อมผลักดัน SMEs เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตามแนวนโยบายรมว.เอกนัฏ
กรุงเทพฯ 26 มีนาคม 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจากนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมกับอุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันยานยนต์ ณ ห้องประชุม 601 ชั้น 6 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
การลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว เกิดขึ้นจากความร่วมมือทางด้านวิชาการในการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งปัจจุบันการเติบโตของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนและความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้หลายประเทศมีแผนในการเพิ่มงบประมาณด้านการทหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ ที่มีการนำระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ป้องกันประเทศให้เกิดประสิทธิภาพและมีความแม่นยำมากขึ้น
“ดีพร้อม” ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา ซึ่งมีบทบาทภารกิจหลักในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้มีศักยภาพทั้งในด้านการประกอบธุรกิจ และเพิ่มสมรรถนะองค์ความรู้ของบุคลากรให้มีความพร้อมในการปรับตัว รองรับการแข่งขันและรูปแบบธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน และพร้อมที่จะเข้าไปเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของ Supply Chain อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยคนไทย (Made by Thais) ลดการนำเข้าและเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้และพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติและภัยคุกคามในทุกรูปแบบ เพื่อผลักดันเป็นอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสนับสนุนให้เกิดการ “ปฏิรูปอุตสาหกรรม” ตามนโยบาย ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่มีมูลค่า เพิ่มสูงและมีความสามารถในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศต่อไป