โทรศัพท์ 1358
การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
“อธิบดีณัฐพล” ร่วมคณะกระทรวงอุตฯ เยี่ยมชมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43
“อธิบดีณัฐพล” ร่วมคณะกระทรวงอุตฯ เยี่ยมชมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43
จ.นนทบุรี 27 มีนาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมเยี่ยมชมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำคณะฯ พร้อมด้วย นายธีระยุทธ วานิชชัง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม นายชาญ ตุลยะเสถียร นายโสภณ ตันประสิทธิกุล ดร.สฤษฎเกียรติ แจ่มสมบูรณ์ นายชัชวัฏ สุวรรณโณ นายกฤตณ์พัทธ์ กังสุวรรณ และ นายธีระ บัวประดับกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายวิษณุ ทับเที่ยง ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "ก้าวด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล" หรือ "KEEP MOVING FORWARD TOGETHER" ได้รับความร่วมมือจัดแสดงรถหลากหลายรุ่นจากค่ายรถยนต์ และรถจักรยานยนต์กว่า 35 แบรนด์ โดยไฮไลต์ในปีนี้คือรถยนต์ไฟฟ้า ที่จัดแสดงภายในงานมากกว่า 20 รุ่น รวมทั้งการนำเทคโนโลยีเสมือนจริง Metaverse เข้ามาใช้เป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์ในงานปีนี้สามารถเลือกรถยนต์ และทดลองขับในรูปแบบ Interactive ผ่านทางโทรศัพท์มือถือส่วนตัวซึ่งถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เข้าชมงาน นอกจากนี้ยังเสริมทัพด้วยโซนกีฬามอเตอร์สปอร์ต โซนกิจกรรมดิจิทัล และโซนขายของที่ระลึก ROD สินค้าออริจินัล - ลิมิเต็ดมาจำหน่าย ผู้สนใจสามารถเข้าชมงานได้ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 โดยคาดว่าตลอด 12 วันของการจัดงานจะสามารถสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ### PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน / ภาพข่าว
28 มี.ค. 2565
ดีพร้อมลงพื้นที่สถานประกอบการฟาร์มเห็ด เปิดนโยบาย “เกษตรอุตสาหกรรม’65” เสริมแกร่ง ผปก. คาดสร้างมูลค่ากว่า 1.2 พัน ลบ.
ดีพร้อมลงพื้นที่สถานประกอบการฟาร์มเห็ด เปิดนโยบาย “เกษตรอุตสาหกรรม’65” เสริมแกร่ง ผปก. คาดสร้างมูลค่ากว่า 1.2 พัน ลบ.
จ.ปทุมธานี 25 มีนาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานประกอบการ บริษัท เฟรช แอนด์ เฟรนด์ลีฟาร์ม ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ด ร่วมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางสาวอริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กสอ. นางสาวประเทือง พฤกษาพิทักษ์กุล เลขานุการกรม นางสาวอัญชลีย์พร เขียวเกษม ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 8 (DIPROM CENTER 8) คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม (DIPROM) โดยมี นางสุชาดา กุลมงคล กรรมการผู้จัดการบริษัท ให้การต้อนรับพร้อมสรุปภาพรวมการดำเนินงาน ณ ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จะขับเคลื่อนด้วยนโยบาย “ดีพร้อมแคร์เกษตรอุตสาหกรรม” ประกอบด้วย C-Customization ปรับแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรม โดยเพิ่มความหลากหลายของการดําเนินการสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ A-Accessibility เพิ่มศักยภาพการให้บริการผ่านการดําเนินงานทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคผ่าน DIPROM CENTER ทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศ และดีพร้อมไอเอดแพลตฟอร์ม (DIPROM i-AID Platform) กระจายโอกาสในการใช้งานเครื่องจักร R-Reformation ปฏิรูปโครงการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมตามนโยบาย BCG เพื่อศึกษาและพัฒนาแนวทางการเพิ่มผลิตภาพแก่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน และ E-Engagement ขยายพันธมิตรเกษตรอุตสาหกรรมโดยประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ ในการส่งเสริม สนับสนุนทุนเพื่อธุรกิจ จากนโยบายดังกล่าวเป็นการวางแผนการทำงานเพื่อมุ่งเน้นพัฒนาผู้ประกอบการในทุกมิติ พร้อมการยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรม เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ เพื่อกระจายรายได้อย่างมีประสิทธิภาพไปสู่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยพัฒนาเครื่องมือและกลไกต่าง ๆ ให้สามารถปรับใช้ได้กับทุกธุรกิจ เสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ เตรียมความพร้อมสำหรับการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ภาคเกษตรอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 1,200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังส่งเสริมการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ช ผ่านโครงการ ปั้น SMEs สู่ B2C ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ส่งเสริมทักษะการวางแผนโลจิสติกส์ และสนับสนุนการพัฒนาเครื่องจักรกลขนาดเล็กเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงของผู้ประกอบการ ทั้งนี้ บริษัท เฟรช แอนด์ เฟรนด์ลีฟาร์ม จำกัด ได้เข้าร่วมอบรมภายใต้โครงการของดีพร้อมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ได้รับการพัฒนาหลากหลายมิติ อาทิ การต่อยอดจากมาตรฐาน GMP สู่มาตรฐานฮาลาลเพื่อสร้างโอกาสในการจัดจำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศ การสร้างแบรนด์ที่สะท้อนตัวตนของธุรกิจ นำไปสู่การแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าในตลาดสินค้าออร์แกนิก แม้ในช่วงของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จะส่งผลให้ธุรกิจประสบปัญหา แต่จากการเข้าร่วมโครงการกับดีพร้อมทำให้มองเห็นทางออกของธุรกิจมากขึ้น ผ่านการใช้ช่องทางตลาดออนไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภค ขณะเดียวกันยังได้รับแนวคิดในการต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากแพลนต์เบส ทำให้มูลค่าผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 สามารถรักษายอดขายสินค้าได้กว่า 10 ล้านบาท และมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อนโควิด-19 โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 15 ล้านบาทในปีนี้ ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
28 มี.ค. 2565
“ดีพร้อม” งัดกลยุทธ์ Co-Creation ดัน ดีพร้อม สตาร์ทอัพ คอนเน็ค รุ่น 3 จับมือร่วมลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ลบ.
“ดีพร้อม” งัดกลยุทธ์ Co-Creation ดัน ดีพร้อม สตาร์ทอัพ คอนเน็ค รุ่น 3 จับมือร่วมลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ลบ.
กรุงเทพฯ 24 มีนาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานจับคู่และเจรจาธุรกิจ เพื่อส่งเสริมการตลาด (Business Matching) ภายใต้ กิจกรรมเชื่อมโยงตลาดสําหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (DIPROM Startup Connect) ร่วมด้วย นายวรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ ผู้อํานวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม (DIPROM) คุณอำพร เจริญสมศักดิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด คุณพีรพงศ์ กรินชัย รองกรรมการผู้จัดการบริหารด้านวิศวกรรมกลาง บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คุณนิวัฒน์ ภู่นันท์วรากร Vice President Digital Platform and Innovation บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) คุณเปรมปรีดี กิติรัตน์ตระการ ผู้จัดการโครงการเอ็กสเพรสโช บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดร.เมธินี เทียบรัตน์ Innovation Evangelism สำนักงานบริหารนวัตกรรม บริษัท เอสซีจี ซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ผู้แทนหน่วยงานเครือข่าย สถาบัน สมาคม ธุรกิจภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ณ ห้องบอลรูม 4 ชั้น 2 โรงแรม แรมแบรนดท์ ถนนสุขุมวิท 18 งานดังกล่าว จัดขึ้นภายใต้ กิจกรรมเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (DIPROM Startup Connect) รุ่นที่ 3 เพื่อพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ สตาร์ทอัพ (Startup) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการดำเนินธุรกิจ โดยส่งเสริมโอกาสและช่องทางให้แก่สตาร์ทอัพในการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะการดำเนินธุรกิจส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด เชื่อมโยงเครือข่ายกับอุตสาหกรรมสนับสนุนต่าง ๆ ให้เป็นกลไกที่ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม รวมทั้งสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการตลาดอย่างเหมาะสม มุ่งสู่การยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการต่อไป สำหรับในปีนี้ เป็นการขยายผลต่อยอดนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG) เชื่อมโยงสู่พันธมิตรภาคเอกชนผู้ร่วมลงทุน มุ่งเน้นยกระดับพัฒนานวัตกรรมร่วม Co-Creation ตอบโจทย์ความต้องการภาคอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มโอกาสการร่วมทุนและการผลักดันผู้ประกอบการสตาร์ทอัพไปสู่ระยะเติบโต ซึ่งดีพร้อมถือเป็นหน่วยงานแรกที่ขับเคลื่อนแนวทางนี้ โดยมีผู้ประกอบการสตาร์ทอัพผ่านการคัดเลือกจำนวน 17 บริษัท เพื่อนำเสนอโมเดลธุรกิจ และตั้งเป้าให้เกิดการร่วมลงทุนในปีนี้ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ### PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
25 มี.ค. 2565
ซัน ฟิลเตอร์
ซัน ฟิลเตอร์
นวัตกรรมและเทคโนโลยีบวกวิสัยทัศน์ที่มุ่งพัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่ง ส่งให้บริษัท ซัน ฟิลเตอร์ จำกัด ยืนหยัดในตลาดผู้ผลิตไส้กรองอากาศ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ไส้กรองเชื้อเพลิง ไส้กรองไฮดรอลิก และไส้กรองเครื่องปรับอากาศ สำหรับรถทุกประเภทมานานกว่า 20 ปี และยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแบรนด์เป็นที่รู้จักในชื่อ “FiL” (ฟิลิ ) มีสินค้ากว่า 500 รายการ ได้คุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ทั้งในไทยและกว่า 30 ประเทศทั่วโลก คุณคเณศ รตะพิพัฒน์ Chief Operating Officer (COO) ซัน กรุ๊ป และบริษัท ซัน ฟิลเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจก่อตั้งโดยคุณพ่อ คุณยิ่งสันต์ รตะพิพัฒน์ ผู้มีความมุ่งมั่นอยากสร้างอะไหล่รถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยมีคุณภาพดีและคุ้มค่าต่อผู้ใช้รถ ในปี 2539 จึงได้ทำโรงงานผลิตไส้กรองรถยนต์ โดยเริ่มจากรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงของโลกอย่าง Donaldson ก่อนที่ปี 2540 ได้ตั้งเป็นบริษัท ซัน ฟิลเตอร์ จำกัด เพื่อผลิตไส้กรองภายใต้แบรนด์ตัวเองในชื่อ FiL รับมือการแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรงขึ้น ระหว่างนั้นก็วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยผลิตไส้กรองแอร์ในห้องโดยสารที่สามารถดักจับและกรองฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์เป็นเจ้าแรกในไทย นอกจากนี้ ยังพัฒนาอะไหล่สำหรับรถพลังงานไฟฟ้า (EV) เคมีภัณฑ์สำหรับรถยนต์ น้ำยาขจัดคราบ และสเปรย์ฆ่าเชื้อภายในรถยนต์ที่สามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ โดยได้รับการรับรองจากสถาบันทั้งในไทยและต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซัน ฟิลเตอร์ จึงปรับตัวด้วยการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ ซัน ฟิลเตอร์ ผู้ผลิตไส้กรองคุณภาพระดับโลก “FiL” เพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ พลิกธุรกิจด้วยเทคโนโลยีการทำงาน จึงเข้าร่วมโครงการการทำแบบจำลองอุตสาหกรรมเพื่อการบริหารจัดการผังงานในกระบวนการด้านโลจิสติกส์ กิจกรรมพลิกธุรกิจด้วยโลจิสติกส์กับการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ โดยกองโลจิสติกส์กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หลังเคยร่วมโครงการเพิ่มศักยภาพของ SMEs ด้วยโปรแกรมประยุกต์ (Software) หรืออุปกรณ์เครื่องมือ (Hardware) ในงานด้านโลจิสติกส์มาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการปรับปรุงโดยใช้โปรแกรมการจำลองสถานการณ์ (Layout Simulation) ออกแบบผังการจัดวางสินค้าสำเร็จรูปคงคลังร่วมกับโปรแกรม Stock Management สามารถลดระยะเวลาในการจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น สามารถลดปริมาณสินค้าคงคลังที่เคลื่อนไหวช้าและไม่เคลื่อนไหวจากการทำการพยากรณ์ด้วยโปรแกรมเมขลา รวมทั้งยังสามารถลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าได้อย่างมากอีกด้วย โดยรวมสามารถลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ลงได้กว่า 5.5 ล้านบาทต่อปี “เราได้อาจารย์ที่ปรึกษาเป็น ผศ.ดร.ไพฑูรย์ ศิริโอฬาร จากสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ซึ่งทำงานร่วมกัันได้ดีมากในโครงการแรก พออาจารย์ชักชวนให้เข้าร่วมโครงการที่สองจึงตัดสินใจได้ทันทีเพราะปัญหาเรามีทุกวัน และในสถานการณ์ปัจจุบันผู้ผลิตมีแค่สองทางเลือก คือ ไม่เพิ่มรายได้ก็ลดรายจ่าย ในเมื่อรายได้ไม่สามารถเพิ่มได้ก็ต้องหาวิธีลดรายจ่าย โดยที่ไม่ต้องไล่พนักงานออก นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเรา แต่เราต้องการทำทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะได้มีเวลาไปวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งโครงการนี้นับว่าตอบโจทย์เราได้อย่างมาก” คุุณคเณศ รตะพิิพััฒน์์ บริิษััท ซััน ฟิิลเตอร์์ จำำกััด 34/9 แขวงหนองค้้างพลูู เขตหนองแขม กรุุงเทพฯ 10160 โทรศัพท์ 0 2810 7788 ต่่อ 123, 08 1499 3399 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
23 มี.ค. 2565
ศรีสุดาเบเกอรี่
ศรีสุดาเบเกอรี่
หากมองว่าเคล็ดลับความสำเร็จในการประกอบธุรกิจข้อหนึ่งคือ ความพร้อมที่จะปรับตัวและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอนั้น ศรีสุดุาเบเกอรี่ ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมปังและเบเกอรี่ชื่อดังจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินอยู่ในเส้นทางที่ว่านี้มาโดยตลอดนับตั้งแต่รุ่นพ่อ-แม่ที่ช่วยกันสร้างจนมาต่อยอดที่รุ่นลูก ซึ่งยังคงพร้อมจะพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ คุณเกษญาภา สุวรรณบุตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสุดาเบเกอรี่ จำกัด และเป็นหนึ่งในทายาทที่เข้ามารับช่วงต่อ เล่าถึงพัฒนาการของธุรกิจครอบครัวว่าเริ่มต้นมาตั้งแต่การเป็นบ้านเช่าเล็กๆ ทำขนมขายอยู่ในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี โดยบรรจุใส่กล่อง กล่องละ 10 ชิ้น ออกจำหน่ายในละแวกใกล้เคียงด้วยรถจักรยานยนต์ พอเริ่มเห็นว่าในพื้นที่มีคู่แข่งมากขึ้น จึงขยายตลาดออกไปไกลขึ้น ขยายออกไปทีละจังหวัด ซึ่งได้ผลตอบรับดีมากจากลูกค้าเพราะถือเป็นเจ้าแรกๆ และคู่แข่งยังมีไม่มากนัก เมื่อยอดขายมากขึ้นจึงเริ่มลงทุนซื้อเครื่องจักร เครื่องแพ็กสินค้าก็ยิ่งทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นไปอีก ดังนั้นจากที่ช่วยกันทำในบ้านเช่าก็ขยายเป็นบ้าน 2 คูหา สร้างโรงงานแห่งแรกและตามมาด้วยแห่งที่ 2 และ แห่งที่ 3 พร้อมลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม จนปัจจุบันมีสินค้าหลากหลายกว่า 100 ชนิดจำหน่ายผ่านระบบตัวแทนและขายปลีกครอบคลุมทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้และกรุงเทพฯ เธอบอกด้วยว่า พร้อมรับฟังคำแนะนำเพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ อย่างกิจกรรมล่าสุดที่ได้เข้าร่วมอบรมในโครงการกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการโลจิสติกส์เพื่อการลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานอุตสาหกรรมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) จากการเข้าร่วมกิจกรรมเมื่อได้รับคำแนะนำก็นำมาแก้ไขทันที ที่เห็นชัดๆ คือระบบการสั่งซื้อฟิล์มสำหรับแพ็กถุงขนม เดิมต้องสั่งซื้อ 40 ม้วนต่อ 1 ครั้ง ก็เปลี่ยนวิธีมาเป็นการสั่งซื้อเท่าเดิมแต่จะทยอยเรียกเข้าครั้งละ 8-10 ม้วน ระยะเวลา 10-15 วัน ขึ้นอยู่กับยอดการใช้งาน “เฉพาะเรื่องฟิล์มก็สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มาก ช่วยให้ไม่ต้องลงทุนขยายพื้นที่เพิ่มเติมแถมยังมีที่เหลืออีก เงินก็ไม่ไปจมอยู่ในส่วนนั้นและมีอำนาจต่อรองมากขึ้น เพราะเมื่อสั่งซื้อจำนวนมากก็จะได้ราคาพิเศษที่ถูกลง ส่วนเรื่องที่สนใจและอยากเรียนรู้เพิ่มเติมอีก เช่น ทักษะการผลิตคอนเทนต์ดิจิทัล การถ่ายทำและตัดต่อคลิปวิดีโอ เพื่อโอกาสการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงการต่อยอดธุรกิจซึ่งที่มองไว้ตอนนี้ คือ ระบบแฟรนไชส์” ผลลัพธ์ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมสามารถลดต้นทุนของกิจกรรมโลจิสติกส์ได้ 30 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าต้นทุนโลจิสติกส์ที่สามารถลดได้คิดเป็นมูลค่า 13,900,000 บาท คุุณเกษญาภา สุุวรรณบุุตร บริิษััท ศรีีสุุดาเบเกอรี่่ จำำกััด 235/41 ซ.8 ต.มะขามเตี้้ย อ.เมืือง จ.สุุราษฎร์์ธานีี 84000 โทรศัพท์ 0 7721 7470, 09 2635 5989 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
23 มี.ค. 2565
ซินิเท็กซ์ อินดัสตรี้
ซินิเท็กซ์ อินดัสตรี้
ในแวดวงอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซินิเท็กซ์ อินดัสตรี้ ได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านการผลิตผ้าใบของไทย ที่มีประสบการณ์ร่วม 20 ปี โดยเฉพาะการทอและเคลือบด้วยพีวีซี ซึ่งบริษัทมีนวัตกรรมการผลิตที่เป็นมาตรฐานสากล สินค้ามีคุณภาพสูง และมีความหลากหลายโดนใจลูกค้าจากทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ จ.สมุทรปราการ และมีโรงงานตั้งอยู่ที่ จ.ชลบุรี ธุรกิจส่งต่อมาถึงผู้บริหารรุ่น 2 คือ คุณพีระศักดิ์ ศรีรินทราชัย ที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนแผนกวิจัยและพัฒนา สำหรับรองรับลูกค้าแบบมาที่ซินิเท็กซ์ อินดัสตรี้ ที่เดียวตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการ ส่งผลให้สามารถส่งออกผ้าใบโคลทติ้งไปยังตลาดต่างประเทศในสัดส่วนสูงถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ เช่น ซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น ฯลฯ เพื่อนำไปผลิตเป็นเต็นท์ผ้าคลุมรถ ผ้าปูตามชายหาด ผ้าปูบ่อแก๊ส ฯลฯ แล้วแต่การต้องการใช้งานของลูกค้าแต่ละราย ขณะเดียวกันยังจัดตั้งแผนก Automation ขึ้นมา หลังจากประสบปัญหาแรงงานฝีมือด้านนีค่อนข้างหายากจึงพยายามมองหานวัตกรรมและเครื่องไม้เครื่องมือที่มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจพอสมควร การส่งออกทำได้ยากลำบากเมื่อมีการปิดประเทศ ในระหว่างที่ประคองธุรกิจให้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก นอกจากจะมีการปรับปรุงระบบการทำงานด้วยหลัก 5ส และหลักไคเซ็น ซินิเท็กซ์ อินดัสตรี้ คิดนอกกรอบต่อยอดความรู้สู่ยานยนต์ไฟฟ้าใช้สำหรับฉีดพ่นแอลกอฮอล์ คุณพีระศักดิ์ ยังสนใจส่งพนักงานเข้าร่วมอบรมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในกิจกรรมพัฒนาสถานประกอบการ ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ ปีงบประมาณ 2564 “ผลลัพธ์ที่ได้คือ ต้นแบบยานยนต์ไฟฟ้าใช้สำหรับฉีดพ่นแอลกอฮอล์ ซึ่งแผนก Automation ได้ไอเดียจากการฉีดพ่นฆ่าเชื้อก่อนโหลดผ้าไปต่างประเทศ มาต่อยอดประดิษฐ์เป็นยานยนต์ไฟฟ้าตัวต้นแบบ โดยมีอาจารย์ประจำโครงการคอยให้คำปรึกษา ปัจจุบันมีการขยายผลด้วยการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาเพื่อศึกษาและทดลองใช้ภายในโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นฉีดพ่นแอลกอฮอล์ ขนย้ายสารเคมี บรรทุกสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ จากโรงงานมาออฟฟิศหรือจากแผนกสู่แผนก รวมทั้งนำความรู้ที่ได้จากการอบรมมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมต่างๆ เพื่อปรับปรุงระบบการผลิตของโรงงานอย่างจริงจัง” แน่นอนว่า ซินิ เท็กซ์ อินดัสตรี้ ยืนหนึ่งในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ทั้งในแง่ของเครื่องจักรและยอดขายในระดับภูมิภาค แต่ในสถานการณ์ที่ไม่มีความแน่นอน คุณพีระศักดิ์เผยว่า ความอดทนคือสิ่งสำคัญ นอกจากนี้คนทำธุรกิจยังต้องมีแนวคิดใหม่ๆ ตลอดเวลา ไม่ปิดกั้นตัวเองอยู่แต่ในกรอบเดิมๆ รวมทั้งแสวงหาโอกาสใหม่ๆ โดยต่อยอดจากต้นทุนความรู้ความเชี่ยวชาญที่มีอย่างเช่น การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้านี้ หากประสบความสำเร็จก็มีความเป็นไปได้ที่จะผลิตเพื่อจำหน่ายหรืออาจขยายเป็นธุรกิจใหม่ต่อไปในอนาคต คุุณพีีระศัักดิ์์ ศรีีริินทราชััย บริิษััท ซิินิิเท็็กซ์์ อิินดััสตรี้้ จำำกััด 889 หมู่่ 4 ถ.สายเกษตร ต.หนองใหญ่่ อ.หนองใหญ่่ จ.ชลบุุรีี 20190 โทรศัพท์ 0 3821 9721-3, 0 3821 9725-8 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
22 มี.ค. 2565
มณีจันทร์ ไอโอที โซลูชั่น
มณีจันทร์ ไอโอที โซลูชั่น
เชื่อว่าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 น่าจะมีหลายคนได้รับผลกระทบจนรับมือกันแทบไม่ทัน แต่ต้องไม่ใช่กับธุรกิจของคุณไกรสร มณีจันทร์ ซึ่งเดิมทีทำบริษัทเกี่ยวกับระบบ IoT สำหรับสมาร์ทโฮม แต่เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 หัวเรือใหญ่ของบริษัทจึงต้องการมองหาเครื่อง UVC ไปมอบให้กับโรงพยาบาลต่างๆ จนพบว่าการนำเข้าเครื่อง UVC มีราคาสูงถึง 7 หลักต่อเครื่อง จึงพลิกโฉมบริษัท IoT สู่วงการอุตสาหกรรมอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ทันที “ราคาสูงขนาดนั้นเราคงซื้อไม่ไหวงั้นเราทำเองเลยดีกว่า” แต่การเริ่มต้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เครื่องมือและอุปกรณ์ในโรงงานต้องมีมาตรฐานทางการแพทย์ ต้องมีมาตรฐานโรงงาน ต้องมีแล็บทดสอบ ต้องได้รับการวินิจฉัยเครื่องมือแพทย์จากสำนักงานอาหารและยา (อย.) ต้องขึ้นบัญชีนวัตกรรม ต้องผ่านการทดสอบทางการแพทย์ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้โดยปกติใช้เวลาประมาณ 4 ปี แต่เราทำได้ในเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง และสามารถผลิตเครื่องฆ่าเชื้อด้วยรังสี UVC ได้ถูกกว่่าการนำเข้าถึง 10 เท่า ซึ่งต้องขอบคุณหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาศักยภาพและเชื่อมโยงอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ กิจกรรมพัฒนาสถานประกอบการด้านมาตรฐานสถานประกอบการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม “กระบวนการทำเครื่องมือแพทย์เป็นความรู้ที่เฉพาะทางมากๆ การจะมาถึงจุดนี้ได้เราต้องมีที่ปรึกษาที่ชำนาญการมาสอน มาแนะนำและให้ความรู้ จนเรามีความรู้ความสามารถด้านการผลิตเครื่องมือแพทย์มาก ยิ่งขึ้น” จากการเข้าร่วมโครงการบริษัทสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 57 เปอร์เซ็นต์และยังเพิ่มยอดขายได้มากกว่าเดิม 2.5 เท่า สำหรับจุดเด่นของ V-Free อยู่ที่ความคงทนของวัสดุ ที่เน้นไปที่การตอบโจทย์การใช้งานของโรงพยาบาลในประเทศไทย จึงต้องเป็นสเตนเลสรูปทรงกะทัดรัด ทำให้สามารถดูแลรักษาและจัดการได้ด้วยคนคนเดียว นอกจากนั้นการใช้งานยังผสมผสานระบบ IoT เข้าไปด้วย ทำให้สามารถตรวจสอบการใช้งานได้ว่าใครใช้เครื่องนี้เวลาใด นานเท่าไหร่บ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับการกำหนดของ อย. รวมถึงสามารถบันทึกเวลาการใช้งานของหลอด UVC ได้ด้วย เราจึงสามารถตรวจสอบระยะเวลาการใช้งานของหลอด UVC ได้อย่างแม่นยำ ในอนาคต V-Free วางแผนการพัฒนาแพลตฟอร์มให้เชื่อมโยงพื้นที่การใช้งานด้วย เช่น สามารถตรวจสอบได้ว่าหน่วยงานใดใช้งานอยู่บ้าง หน่วยงานใดยังไม่ได้ใช้ ซึ่งหากเชื่อมโยงเข้ากับ Big Data และขยายผลไปสู่แอปพลิเคชันไทยชนะน่าจะช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับสถานที่ท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น คุุณไกรสร มณีีจัันทร์์ บริิษััท มณีีจัันทร์์ ไอโอทีี โซลููชั่่น จำำกััด โทรศัพท์ 09 8264 2374 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
22 มี.ค. 2565
อุุบลเวลแพ็ค
อุุบลเวลแพ็ค
จากการมองเห็นโอกาสธุรกิจในพื้นที่เมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งในขณะนั้นปริมาณการใช้ขวดพลาสติกในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงมีค่อนข้างสูง แต่โรงงานผลิตขวดที่ได้คุณภาพและมาตรฐานยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้คุณพงศ์ศักดิ์ อุรัจนานนท์ ได้เริ่มต้นสร้างและพัฒนา บริษัท อุบลเวลแพ็ค จำกัด จนกลายเป็นโรงงานรับจ้างผลิตที่ครบวงจรและได้มาตรฐานเป็นเบอร์ต้นๆ ของพื้นที่ในปัจจุบัน บริษัท อุบลเวลแพ็ค จำกัด ร่วมกับ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อเข้าร่วมโครงการ 17.1-1 การปฏิรูปอุตสาหกรรมศักยภาพสู่อุตสาหกรรมเพิ่มมูลค่า ปีงบประมาณ 2564 ภายใต้กิจกรรมยกระดับสถานประกอบการด้วยเทคโนโลยี 3 Stage Rocket โดยเน้นการลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้เทคโนโลยีสามารถเพิ่มโอกาสทางการแข่งขันให้กับธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น เดิมบริษัท อุบลเวลแพ็ค จำกัด มีไลน์การผลิตขวดพลาสติกจำนวน 4 ไลน์แยกตามขนาดของขวด ซึ่งในไลน์การผลิตขวดขนาด 600 มิลลิลิตร จะมีชั่วโมงในการใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง 3 กะ และของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการแยกเป็นหน้าเครื่องเป่าลมร้อนและหลัง เครื่องเป่าลมร้อน จากการตรวจสอบพบว่าปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นเกิดทั้งหน้าเครื่องและหลังเครื่องเป่า ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันไป อย่างเช่น ขวดเป็นฝ้า ปีกบี้ ปากบวม เอวคอด เป่าแตก ขวดบุบ คอหนา ก้นเบี้ยว ก้นนูน/รั่วและอื่นๆ มีจำนวนค่อนข้างมาก ในการเก็บและบันทึกข้อมูลการผลิตจะบันทึกโดยพนักงานที่อยู่ในไลน์การผลิตนั้นๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้ข้อมูลอุบลเวลแพ็ค เสริมแกร่งเทคโนโลยี สู่บริษัทคุณภาพแห่งอีสานใต้ที่แท้จริง ทำให้ไม่สามารถที่จะประเมินประสิทธิภาพโดยรวม (Overall Equipment Effectiveness : OEE) ของการผลิตได้ และไม่สามารถทราบถึงปัญหาและการปรับปรุงแก้ไขกระบวนการผลิตได้ถูกจุด สำหรับโครงการดังกล่าว นอกจากจะมีผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่มาร่วมวิเคราะห์ปัญหา เพื่อหาแนวทางการพัฒนากระบวนการผลิตเทคโนโลยีและความคุ้มค่าในการลงทุนแล้ว ยังได้รับคำแนะนำในการพัฒนาธุรกิจ รวมถึงได้รับการพัฒนากระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอีกด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือบริษัทสามารถลดแรงงานคนลงได้ และสามารถลดต้นทุนและของเสียลงได้ 34.75 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 360,000 บาทต่อปี “ในส่วนของบริษัท อุบลเวลแพ็ค จำกัด ได้รับการพัฒนาแมชชีน มอนิเตอริ่ง (Machine Monitoring) ซึ่งทำให้เราบริหารจัดการธุรกิจได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะเดิมทีถ้าเราจะดูประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร เราต้องเดินไปดูหน้าเครื่อง การแก้ไขหรือรับมือปัญหาจะทำได้ค่อนข้างยาก แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการมีผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำและพัฒนาระบบ IoT กับ Sensor ร่วมกัน เราก็สามารถตรวจสอบการทำงานของเครื่องจักรผ่านระบบ IoT ได้ทันที เห็นปัญหาและแก้ไขได้รวดเร็วขึ้น เมื่อรับรู้เร็วขึ้นของเสียก็จะน้อยลง เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน ลดของเสียเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจไปได้พร้อมๆ กัน” นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เสริมเขี้ยวเล็บและติดอาวุธทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการได้อย่างน่าสนใจ คุุณพงศ์์ศัักดิ์์ อุุรััจนานนท์ บริิษััท อุุบลเวลแพ็็ค จำำกััด 205 บ้้านดอนชาด ต.บุ่่งหวาย อ.วาริินชำราบ จ.อุบลราชธานี โทรศัพท์ 08 9511 4009, 08 8378 5005 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
22 มี.ค. 2565
เครื่องปั้นดินเผาม่อนเขาแก้
เครื่องปั้นดินเผาม่อนเขาแก้
จังหวัดลำปางมีชื่อเสียงเรื่องเครื่องปั้นดินเผา หนึ่งในแหล่งผลิตงานปั้นแฮนด์เมดเลื่องชื่อคือ บ้านม่อนเขาแก้ว ที่อนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญางานปั้นมาแต่บรรพบุรุษ และมีการรวมกลุ่มกันอย่างแข็งแกร่งเป็นวิสาหกิจชุมชนเครื่องปั้นดินเผาม่อนเขาแก้วในปี 2548 ปัจจุบันมีคุณวันดี แปลกปลาดเป็นประธานกลุ่มฯ เครื่องปั้นดินเผาม่อนเขาแก้วผลิตจากดินเหนียว และดินโป่งมันขึ้นรูปชิ้นงานด้วยมือล้วนๆ โดยใช้แป้นหมุนเป็นตัวช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เหมือนมีเพียงชิ้นเดียวในโลก ก่อนจะนำไปเผาด้วยอุณหภูมิ 900 องศาเซลเซียส มีฟางข้าวและฟืนเป็นเชื้อเพลิงกลบด้วยขี้เถ้าแกลบอีกชั้นหนึ่ง จนกระทั่งได้เครื่องปั้นดินเผาที่สวย ทนทาน พร้อมจำหน่ายสู่ตลาด การันตีด้วยรางวัล OTOP ระดับ 5 ดาว สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ขายดีคือ หมอน้ำดินเผา กาน้ำดินเผา กระถางต้นไม้ดินเผา ฯลฯ เรียกว่าผลิตออกมาเท่าไร พ่อค้าคนกลางก็รับซื้อไว้ทั้งหมดเพื่อกระจายส่งขายไปทั่วประเทศ แต่ปัญหาคือผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ผลิตตามแบบที่พ่อค้าคนกลาง สั่งโดยไม่มีการประยุกต์แบบหรือเทคนิคใหม่ๆ ทำให้เครื่องปั้นดินเผาไม่มีความหลากหลายและขาดความโดดเด่นที่จะบ่งบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากบ้านม่อนเขาแก้ว “เพราะต้องการจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและหาเอกลักษณ์ให้กับทางกลุ่มเราจึงได้เข้าร่วมอบรมเครื่องปั้นดินเผาม่อนเขาแก้ว ยกระดับการผลิตปลุกปั้นงานแฮนด์เมดชุมชนในกิจกรรมยกระดับกระบวนการผลิตสู่อุตสาหกรรมศักยภาพ (Process Transform) ซึ่งทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมก็ได้ลงพื้นที่มาช่วยวิเคราะห์และให้คำแนะนำในการใช้เตาเผาเพื่อปรับปรุงการผลิตของสินค้าแฮนด์เมดให้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการผลิตเครื่องปั้นดินเผารูปแบบใหม่ๆ อย่างของแต่งบ้าน ของแต่งสวนกระจุกกระจิก รวมทั้งสอนเรื่องการทำการตลาดและแนะนำให้วิสาหกิจชุมชนในฐานะผู้ผลิต ได้เรียนรู้การใช้ช่องทางออนไลน์ขายสินค้าด้วยตนเอง” ผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้ทางกลุ่มมีประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น 42.86 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญช่วยยอดขายปรับเพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ ผ่านมา ปรากฏว่ากระถางต้นไม้ทุกไซส์ขายดีอย่างมาก เนื่องจากช่วงที่คนอยู่บ้านหรือ Work from Home ก็ได้ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวปลูกต้นไม้ทำสวนกัน ทำให้วิสาหกิจชุมชนยิ้มได้ เพราะมีรายได้ต่อเนื่องจากอาชีพที่บรรพบุรุษส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อขับเคลื่อนวิสาหกิจสู่ความยั่งยืนจากนี้ไป คุณวันดีก็มีความตั้งใจที่จะผลักดันให้บ้านม่อนเขาแก้วเป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและศูนย์ฝึกอาชีพประจำตำบล โดยเฉพาะการฝึกอบรมคนรุ่นใหม่ให้มีส่วนอนุรักษ์การทำเครื่องปั้นดินเผาเป็นอาชีพ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตและองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เครื่องปั้นดินเผาอย่างไม่หยุดยั้งต่อไป คุุณวัันดีี แปลกปลาด วิิสาหกิิจชุุมชน เครื่่องปั้นดิินเผา ม่่อนเขาแก้้ว 76 หมู่่ 3 ต.พิิชััย อ.เมืือง จ.ลำำปาง 52000 โทรศัพท์ 08 1387 6129, 08 3320 7940 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
22 มี.ค. 2565
ชุมชนบ้านม้าน้ำ
ชุมชนบ้านม้าน้ำ
บ้านน้ำม้า คือ แหล่งท่องเที่ยวชุมชนของคนรักสุขภาพที่อุดมไปด้วยพืชผักสมุนไพรและวิถีธรรมชาติ ตั้งอยู่ในตำบลสถาน อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ดำเนินการโดยวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนบ้านน้ำม้า ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2561 มีสมาชิกที่ 20 คน โดยการนำของ คุณชนิดาภา ดวงปัน ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนบ้านน้ำม้า ผู้เชื่อมั่นในศักยภาพของพื้นถิ่น จึงนำความรู้จากการไปศึกษาดูงานมาพัฒนาบ้านเกิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน คุุณชนิดาภาเริ่มจากเปิดบ้านของตนเองเป็นโฮมสเตย์ ก่อนชักชวนคนในชุมชนมาทำการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยชูจุดขายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงสุขภาพวิถีสมุนไพรที่มีกิจกรรมหลากหลาย เช่น ทำของที่ระลึกจากผ้าทอใยไผ่ เรียนรู้การทำชาใบไผ่ และกล้วยฉาบ โดยทุกกิจกรรมจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนไปพร้อมกันด้วย ผลพลอยได้จากการทำท่องเที่ยวชุมชน คือ ผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับบ้านน้ำม้าอย่าง “ชาโมโรเฮยะ” และ “ชาใบไผ่” ที่จำหน่ายภายใต้แบรนด์ NAM MA (น้ำม้า) ซึ่งอุดมไปด้วยคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ และคุณค่าทางโภชนาการ ขณะที่ปัจจุบันยังได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พัฒนาผลไม้พื้นบ้านหลากสรรพคุณอย่างตะคร้อ ผลิตภัณฑ์เป็นเครื่องสำอางแบรนด์ “NAM” (น้ำ ) อีกด้วย โดยทำตลาดผ่านการออกบู๊ธตามงานต่างๆ และขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้ชื่อของบ้านน้ำม้ากลายเป็นที่รู้จักและสร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน หลังการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ขาดรายได้จากนักท่องเที่ยว คุณชนิดาภาจึงมีความคิดที่ิอยากปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อสร้างแหล่งรายได้ที่มั่นคงขึ้น จึงได้เข้าร่วมกิจกรรมพลิกฟื้นธุรกิจด้วยการส่งเสริมองค์ความรู้ที่เหมาะสมให้ผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจในยุค Next Normal โดยกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จากโครงการนี้เองที่ทำให้วิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำม้าได้รับการสนับสนุนเครื่องอบแห้งลมร้อนที่มาทดแทนการคั่วด้วยมือเพื่อลดระยะเวลาในการผลิตลง จนทำให้สามารถผลิตชาเพื่อสุขภาพที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากเดิมได้ถึงกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ “จากการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ทำให้เราได้รับเครื่องอบมาซึ่งช่วยให้สามารถลดต้นทุนด้านแรงงานและพลังงาน ความร้อนจากกระบวนการผลิตลงได้ถึงหลักแสนบาทต่อปี รวมถึงลดระยะเวลาในการผลิตลงได้ถึงประมาณ 46 เปอร์เซ็นต์ แม้ตอนนี้ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวยังเปิดไม่ได้เต็มที่แต่ทางกลุ่มฯ ก็ใช้เวลานี้ในการหาองค์ความรู้ใหม่ๆ มาพัฒนาตนเองและเตรียมความพร้อมด้านผลิตภัณฑ์ของเรา โดยอยากพัฒนาให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นที่รู้จักในตลาดมากขึ้น หากมีโอกาสก็อยากไปตลาดต่างประเทศดูควบคู่ไปกับพัฒนาการท่องเที่ยวของเราให้ยั่งยืน ชุมชนเป็นที่รู้จัก ผู้คนอยู่ดี กินดี มีรายได้ อยู่ด้วยความสามัคคี นี่คือ เป้าหมายที่อยากทำให้ได้หลังจากนี้” คุณชนิดาภากล่าวว่า เป้าหมายของธุรกิจไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งได้แต่เป็นการได้ร่วมกันของคนทั้งชุมชน และนี่คือดัชนีวัดความสำเร็จที่แท้จริง คุุณชนิิดาภา ดวงปััน วิิสาหกิิจชุุมชนท่่องเที่่ยว ชุุมชนบ้้านน้ำม้้า 10 ต.สถาน อ.เชีียงของ จ.เชีียงราย 57140 โทรศัพท์ 09 3169 2465 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
22 มี.ค. 2565