หมวดหมู่
ดีพร้อม จับมือ 2 เอกชน หนุนอุตฯ นวัตกรรม ปี 64 เตรียมอัดฉีด แองเจิล ฟันด์ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่ากลุ่มสตาร์ทอัพ กระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ
กรุงเทพฯ 15 มีนาคม 2564 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “การบริหารจัดการธุรกิจ (Business Camp)” ภายใต้ กิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนสําหรับผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ (Angel Fund) และร่วมเสวนา หัวข้อ “ความร่วมมือในการสนับสนนุผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) และแนวทางการพิจารณาให้ทุนประจําปี พ.ศ. 2564” พร้อมด้วย นายอนสุรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) นายวัฒน์ ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) คุณทรงสุดา พาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดียแท็งค์ จํากัด โดยมี นายภาสกร ชัยรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานดังกล่าว ณ The Grounds ชั้น 31 อาคาร G Tower ถ.พระราม 9 สำหรับกิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนสําหรับผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ (Angel Fund) เป็นความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพื่อสนับสนุนเงินทุนแบบเงินให้เปล่าแก่ผู้ประกอบการที่มีไอเดียหรือต้นแบบสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ให้สามารถดำเนินธุรกิจในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงสนับสนุนให้ผู้มีแนวคิด หรือสิ่งประดิษฐ์เชิงนวัตกรรมมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนและต่อยอด การเริ่มต้นธุรกิจ หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่เชิงพาณิชย์ได้ โดยกิจกรรมดังกล่าวได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 6 ซึ่งในปีนี้ได้รับเกียรติจาก บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)ให้การสนับสนุนเงินทุน ร่วมกับ เดลต้าฯ จำนวน 4 ล้านบาทให้กับผู้ผ่านการนำเสนอแผนธุรกิจ/ไอเดียนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ (Pitching) โดยมี บริษัท มีเดียแท็งค์ จํากัด มาช่วยในการเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการกับแหล่งเงินทุนอีกด้วย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ 1. ผู้ประกอบการในระยะเริ่มต้น (Early stage) เป็นผู้ประกอบการ หรือผู้สนใจทั่วไป ที่มีแนวคิดหรือสิ่งประดิษฐ์ เชิงนวัตกรรม ที่ต้องการเงินสนับสนุนแบบให้เปล่า เพื่อสร้างหรือพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ออกสู่เชิงพาณิชย์ 2. ผู้ประกอบการระยะเติบโต (Growth stage) ประเภทวิสาหกิจเริ่มต้นที่จดทะเบียนพาณิชย์ตามกฎหมายไทย มีผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือ นวัตกรรมในรูปแบบธุรกิจ ที่พร้อมจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ (Exponential growth) และมีเป้าหมายหลักใน การขยายตลาดและมีโอกาสได้รับทุนสนับสนุนจาก VC/CVC ผ่านโครงการ Startup Connect ของกรมในอนาคตต่อไป โดยในปีนี้มีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 50 ทีม จากผู้สมัคร 236 ทีม ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายผลและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 150 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการได้รับการสนับสนุนเงินทุนให้เปล่า จํานวน 158 ทีม รวมมูลค่ากว่า 16.16 ล้านบาท และ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสูงถึง 500 ล้านบาท ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
15 มี.ค. 2564
กิจกรรมสัมมนาเปิดโครงการ "Workshop สัญจร ขยายผลความรู้ด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนภาคอุตสาหกรรมสู่ภูมิภาค" ประจำปี 2564 จ.พระนครศรีอยุธยา
กิจกรรมสัมมนาเปิดโครงการ "Workshop สัญจร ขยายผลความรู้ด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนภาคอุตสาหกรรมสู่ภูมิภาค" ประจำปี 2564 จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะเวลารับสมัคร วันนี้ - 17 มีนาคม 2564 กลุ่มเป้าหมายโครงการ อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร เกษตรอุตสาหกรรม ปิโตรเคมีและพลาสติกส์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ยางและผลิตภัณฑ์ยาง * ในกิจกรรมสัมมนาฯ จะเปิดให้สถานประกอบการสมัคร เพื่อเข้าร่วมโครงการ Workshop สิ่งที่ SMEs จะได้รับ หลังสมัครเข้าร่วมในงานเปิดโครงการฯ อบรมความรู้ตัวชี้วัด สร้างกลยุทธ์ เชิงปฏิบัติจริง ในการประยุกต์ IT Logistics ที่ใช้งานได้จริง เป็นเวลา 3 วัน ผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้า เข้าช่วยวิเคราะห์ปัญหาหน้างานจริง ติดตั้ง IT เพื่อใช้งานจริง ณ สถานประกอบการจริง และวัดผลได้จริง เป็นเวลา 3 วัน โดยมีเป้าหมายเป็นการลดต้นทุนให้สถานประกอบการอย่างน้อย 10% สถานประกอบการที่มีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม เกิดผลลัพธ์ จะได้รับการเชิดชูเป็นแบบอย่าง ในรูปแบบสื่อวิดิทัศน์ ในราย Best Practice ของโครงการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 02 202 4540 กลุ่มสารสนเทศโลจิสติกส์ คุณอนพัทย์(ต้อง) 084 644 6768 คุณภาณุพงศ์(ไผ่) 087 304 7573
10 มี.ค. 2564
กสอ. โชว์ผลสำเร็จ ปั้นผู้ประกอบการ “เถ้าแก่ใหม่วัยเก๋า”
กรุงเทพฯ 9 มีนาคม 2564 - นายภาสกร ชัยรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติมอบวุฒิบัตรบัตรและกล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้ประกอบที่เข้าร่วมการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการกิจกรรมสร้างผู้ประกอบการใหม่วัยเก๋า หลักสูตร "The Power of Aging เถ้าแก่ใหม่วัยเก๋า" จำนวน 33 ราย โดยมี นางสาวนิจรินทร์ โอภาเสถียร ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจใหม่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวรายงาน ณ ห้อง Prime Hall A โรงแรม เดอ ไพรม์ แอท รางน้ำ ราชเทวี กิจกรรมสร้างผู้ประกอบการใหม่วัยเก๋า หลักสูตร "The Power of Aging เถ้าแก่ใหม่วัยเก๋า" จัดขึ้น ภายใต้ ภายใต้โครงการ "การสร้างและพัฒนาผู้ ประกอบการใหม่เชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดที่เหมาะสม" เพื่อสร้างจิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการและสนับสนุนการเกิดวิสาหกิจใหม่ของผู้ประกอบการใหม่วัยเกษียณด้วยการพัฒนาทักษะส่งเสริมศักยภาพ ความสามารถด้านการบริหารจัดการ การสร้างโมเดลธุรกิจเชิงสร้างสรรค์และลดความเสี่ยงในธุรกิจสร้างต้นแบบผู้ประกอบการใหม่วัยเกษียณ หรือ "เถ้าแกใหม่วัยเก๋า" รวมถึงเร่งให้เกิดการจัดตั้งธุรกิจใหม่หรือขยายธุรกิจของผู้ประกอบการใหม่วัยเกษียณ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ - 9 มีนาคม 2564 ซึ่งมีวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ และเชี่ยวซาญในการดำเนินธุรกิจร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ทั้งเรื่องของการ "ปลุกพลัง สร้างแนวคิด ปั้นผลิตภัณฑ์" การเขียนแบบจำลองธุรกิจเบื้องต้น เพื่อเป็นแนวทางในการจัดตั้งธุรกิจ วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของธุรกิจกลยุทธ์การทำตลาดออนไลน์ การพัฒนาบุคลิกภาพและเทคนิคในการนำเสนอ การเงินและบัญชี การให้คำปรึกษาแนะนำและวิพากษ์แผนธุรกิจ ตลอดจนการศึกษาตัวอย่างความสำเร็จของธุรกิจ ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการผ่านการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการอย่างเข้มข้น จำนวน 33 ราย โดยแบ่งเป็นประเภทธุรกิจภาคการผลิตและภาคบริการ PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
10 มี.ค. 2564
กสอ. ชู MDICP หนุนผู้ประกอบการเพิ่มผลิตภาพผ่านแผนธุรกิจ หวังสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่ม 9 ลบ.
กรุงเทพฯ 9 มีนาคม 2564 - นายภาสกร ชัยรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันด้วยดิจิทัล (Digital MDICP) และการสัมมนาเชิงปฏิบัติการการสร้างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และการจัดทำแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ร่วมด้วย คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) และ ผู้ประกอบการ โดยมี นายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม กสอ. กล่าวรายงาน ณ โรงแรม วี กรุงเทพฯ เอ็มแกลเลอรี โฮเทล คอลเลคชั่น ราชเทวี การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มผลิตภาพการบริหารจัดการธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้มีความสามารถในการแข่งขันด้วยดิจิทัล เพื่อให้มีแผนธุรกิจและแผนบริหารความต่อเนื่องในการประกอบกิจการและใช้เป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนเพื่อสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการด้านองค์กรความสุขในการเพิ่มคุณภาพชีวิตพนักงานขององค์กร ซึ่งตั้งเป้าในการพัฒนา SMEs เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน จำนวน 20 กิจการ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย 1. การสร้างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์และการจัดทำแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ 2. การสร้างความสุขในองค์กร (Happy Day) เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านการจัดการความสุขและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่พนักงานองค์กร 3. การสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ระหว่างสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ และ 4. การประเมินสถานะทางธุรกิจและการปรึกษาแนะนำเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการทั้ง 20 ราย และได้รับคำปรึกษาแนะนำเชิงลึกตามแผนงานต่าง ๆ โดยแบ่งออกเป็น แผนงานการจัดการกลยุทธ์และการตลาด 10 กิจการ แผนงานการบริหารการเงินและการลงทุน 4 กิจการ แผนงานการพัฒนาและปรับปรุงการผลิต 3 กิจการ แผนงานการพัฒนาทรัพยากรบุคลากร 2 กิจการ แผนงานการบริหารด้านมาตรฐานสากล 1 กิจการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 9 ล้านบาท ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
10 มี.ค. 2564
“อธิบดีณัฐพล” นำพลพรรค กสอ. บวรสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และทำบุญ ครบรอบ 79 ปี กช.กสอ.
กรุงเทพฯ 9 มีนาคม 2564 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมให้เกียรติเป็นประธานพิธีบวงสรวงองค์พระนารายณ์ ไหว้ศาลพระภูมิประจำ กองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กช.กสอ.) พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม และถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 79 ปี กองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมด้วย นายภาสกร ชัยรัตน์ และ นายเจตนิพิฐ รอดภัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงานราชการ และเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เข้าร่วมพิธีดังกล่าว นอกจากนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ยังได้มอบนโยบายการดำเนินงานการส่งเสริม พัฒนา และสนับสนุนผู้ประกอบการแก่ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ กสอ. อีกด้วย ณ อาคารกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กสอ. ถนนพระรามที่ 4 กล้วยน้ำไท คลองเตย ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สล.กสอ. : ภาพข่าว / รายงาน)
09 มี.ค. 2564
กสอ. ผนึกกำลัง ก.ยุติธรรม สทบ. ลุยเมืองเก่าฯ สุโขทัย เดินหน้าถอดรหัสอัตลักษณ์ ปั้น 20 “ผลิตภัณฑ์แห่งการให้โอกาส” ตั้งเป้ากระตุ้นรายได้ชุมชนกว่า 10 ล้านบาท
จ.สุโขทัย 6 มีนาคม 2564 - นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เกียรติเป็นประธานและกล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดงานกิจกรรม “ถอดรหัส อัตลักษณ์ วิถีถิ่น สุโขทัย” ภายใต้ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฝากของที่ระลึก เพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในพื้นที่ ร่วมด้วย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดสุโขทัย นางสาวพัชรอร วงศ์กำแหง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายบรรจง สุกรีฑา ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสหกรรม นายมนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ผู้แทนรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ คณะผู้บริหารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) คณะผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ คณะผู้บริหารสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) คณะผู้บริหารส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ประชาชนในพื้นที่ และสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยมี นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวต้อนรับ นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง สทบ. และ กสอ. นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน ณ ลานดงตาล อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง การจัดงานดังกล่าว เป็นความร่วมมือของไตรภาคี ได้แก่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่นให้มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ช่วยเร่งฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวกลับมาโดยเร็วหลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการถอดรหัสอัตลักษณ์ชุมชน เพื่อการต่อยอดในเชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งส่งเสริมวิชาชีพผู้ต้องขัง ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ดึงอัตลักษณ์พื้นถิ่น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเชิงพาณิชย์ ขยายผลต่อเนื่องจากจังหวัดชัยนาท มายังจังหวัดสุโขทัย เพราะจังหวัดสุโขทัย ถือเป็นเมืองมรดกโลก มีต้นทุนทางวัฒนธรรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในระยะนำร่องของการถอดรหัสอัตลักษณ์ของจังหวัดสุโขทัย กสอ. ได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ส่วนสำคัญ ประกอบด้วย 1. การจับจุดเด่นเป็นจุดขาย ผ่านกระบวนการถ่ายทอดอัตลักษณ์ในรูปแบบที่ง่ายต่อการจดจำ เพื่อให้เป็นตัวแทน หรือ มาสคอตในการสื่อสารความเป็นตัวตน 2. การจับจุดใหม่โดยใช้จุดเดิม ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิม โดยอาศัยองค์ความรู้ทางด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เข้ามามีส่วนในการผลิต เพื่อให้เกิดสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ ความต้องการของผู้บริโภค ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการถอดรหัสอัตลักษณ์ จะถูกถ่ายทอดทักษะในกระบวนการผลิตไปยังผู้ต้องขังในเรือนจำ เพื่อให้ผู้ต้องขังที่ได้รับการฝึกฝนทักษะอาชีพโดย กสอ. ได้มีโอกาสสร้างรายได้ในรั้วเรือนจำที่จะสามารถต่อยอดไปสู่การประกอบอาชีพสุจริต เมื่อพ้นโทษสู่โลกภายนอก ถือเป็น “ผลิตภัณฑ์แห่งการให้โอกาส” ที่จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในไทยได้อีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกัน ยังมีวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยเข้าร่วม จำนวน 20 กลุ่ม เพื่อพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ ให้พร้อมรับการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว จำนวน 20 ผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนเพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านบาท และจะสามารถต่อยอดโมเดลการดึงอัตลักษณ์ของชุมชน เพื่อถ่ายทอดสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ผ่านผลิตภัณฑ์สินค้าของฝาก เพื่อยกระดับภาคการท่องเที่ยวยั่งยืนในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นการรักษาการจ้างงานกว่า 200 คน ในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอคีรีมาศ อำเภอศรีสัชนาลัย และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเมื่อสถานการณ์ COVID-19 ผ่อนคลายขึ้น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาในพื้นที่ ประมาณ 600,000 คนต่อปี ก่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย การพักแรม การรับประทานอาหาร การซื้อของที่ระลึกของนักท่องเที่ยว โดยจะมีมูลค่าหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 1,800 ล้านบาท ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
08 มี.ค. 2564
กสอ. เดินหน้ารุกเสริมเติมแกร่งผู้ประกอบการภาคใต้ เน้นสร้างเทคนิคเพิ่มยอดขายผ่านตลาดออนไลน์แบบเชิงลึก
จ.สงขลา 6 มีนาคม 2564 - นายเจตนิพิฐ รอดภัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติกล่าวรายงานในพิธีเปิดโครงการสร้างการรับรู้ “ก้าวทันการตลาด ฉลาดกับออนไลน์” ร่วมด้วย นายวาที พีระวรานุพงศ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาดิจิทัลอุตสาหกรรม นางนวลจิตต์ เรืองศรีใส นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ นายสิทธิรงค์ เร่งเงียบ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 นายธนบูรณ์ เซ่งง่าย อุตสาหรรมจังหวัดสงขลา และเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เข้าร่วม โดยมี นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดดังกล่าว ณ โรงแรมสยามออเรียนทัล อำเภอหาดใหญ่ การจัดโครงการฝึกอบรมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับองค์ความรู้ เทคนิค แนวคิด และกระบวนการใหม่ ๆ ในการดำเนินธุรกิจบนโลกออนไลน์ที่สอดคล้องกับสภาวการณ์ของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นรูปแบบในการถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้จากเพจเฟสบุ๊คชื่อดังอย่าง เพจอีจัน รวมทั้ง เทคนิคการค้าขายในตลาดออนไลน์จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเรียนรู้ได้ง่าย มีประสิทธิภาพ นำไปปรับใช้ได้จริง และสามารถเพิ่มรายได้จากช่องทางการตลาดใหม่ ๆ สร้างผลกำไรให้กับธุรกิจในต้นทุนที่ไม่มากนัก เกิดการขยายธุรกิจให้เข้มแข็งและเติบโตได้ ซึ่งการจัดอบรมในครั้งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการในพื้นที่สมัครและเข้าร่วมการอบรมกว่า 300 ราย ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
08 มี.ค. 2564
รสอ.เจตนิพิฐ ลงพื้นที่หาดใหญ่ ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ประกอบการพื้นที่ภาคใต้
จ.สงขลา 5 มีนาคม 2564 - นายเจตนิพิฐ รอดภัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (รสอ.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและมอบนโยบายการทำงานให้แก่ ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ของศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ศภ.11 กสอ.) โดยมี นายสิทธิรงค์ เร่งเงียบ ผู้อำนวยการ ศภ.11 กสอ. และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ ณ ห้องกระจูด ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 อ.หาดใหญ่ การประชุมฯ ครั้งนี้ เป็นการรับฟังข้อมูลการดำเนินงานของ ศภ.11.กสอ. ในปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ตลอดจนโครงการ/กิจกรรมการให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส พร้อมทั้ง รับฟังเรื่องเร่งด่วนของ ศภ.11 กสอ. อาทิ การปรับปรุงพื้นที่ให้บริการของศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 (ITC 4.0) ให้เป็นพื้นที่ตัวอย่างที่ได้รับมาตรฐาน และสามารถกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนเมษายนนี้ การปรับปรุงอาคารบ้านพักราชการ และการสำรวจการก่อสร้างอาคารที่พักหลังใหม่ เป็นต้น ทั้งนี้ รสอ.เจตนิพิฐ ได้มอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ศภ.11 กสอ. โดยเน้นย้ำเรื่องการให้บริการแก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ตามความต้องการจากผลสำรวจการขอรับความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการตลาดออนไลน์และการสร้างนักขายมืออาชีพ
08 มี.ค. 2564
รับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการสู่การเป็นสมาร์ท SME และโกลบอล SME : คพอ.รุ่นที่ 374 ยโสธร
คพอ.รุ่นที่ 374 ยโสธร DIProm for New Normal 2021 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 รับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการสู่การเป็นสมาร์ท SME และโกลบอล SME : คพอ.รุ่นที่ 374 ยโสธร (หลักสูตร 21 วัน) คุณสมบัติเบื้องต้น SME สาขาอุตสาหกรรมเกษตร/ อาหารแปรรูป (ผลิต,การค้า,บริการ และอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเกษตร) ผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของธุรกิจ/หุ้นส่วน หรือทายาทธุรกิจ ผู้บริหารที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ดำเนินธุรกิจมาไม่น้อยกว่า 3 ปี เนื้อหาการฝึกอบรม กิจกรรมเสริมสร้างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การบริหารธุรกิจ ยุค New Normal การจัดทำแผนธุรกิจ ปฏิทินกิจกรรม รับสมัคร : บัดนี้ - 25 มีนาคม 2564 สัมภาษณ์ : 30 - 31 มีนาคม 2564 ประกาศรายชื่อ : 1 เมษายน 2564 ประชุมชี้แจงโครงการ - 2 เมษายน 2564 ด่วน...รับจำนวนจำกัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 คุณหนึ่ง 085-4953432 คุณเก่ง 086-2461388
08 มี.ค. 2564
คิดเห็นแชร์ : สตาร์ตอัพไทย ความฝันของเถ้าแก่คนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้เป็นเพียงในซีรีส์
คอลัมน์ : คิดเห็นแชร์ (มติชนออนไลน์) ผู้เขียน : นายณัฐพล รังสิตพล (อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) สวัสดีแฟน ๆ คิด เห็น แชร์ ทุกท่านครับ กระแสของสตาร์ตอัพนั้นมีมาระยะหนึ่งแล้ว แต่มาฮิตติดลมบนอีกครั้งเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง Start-Up ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่กล้าฝันเป็นเถ้าแก่จากการเริ่มต้นทำธุรกิจให้เติบโตก้าวไปสู่ระดับโลก ดังเช่นบริษัทที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Apple Amazon Facebook หรือ Tesla เป็นต้น แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและทั่วโลกชะลอตัว หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ และมีหลาย ๆ สิ่งไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยพลิกวิกฤตโดยใช้โอกาสนี้สร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ ด้วยการผลักดันและส่งเสริมให้เกิดสตาร์ตอัพ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์แนวโน้มความต้องการของโลกในยุคความปกติถัดไป (Next Normal) สตาร์ตอัพจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทยได้ในอนาคต หลายท่านคงคุ้นเคยกับคำว่า “สตาร์ตอัพ” (Startup) กันบ้างแล้ว แต่อาจยังมีข้อสงสัยว่า สตาร์ตอัพกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มีความแตกต่างกันอย่างไร อันที่จริงแล้ว สตาร์ตอัพก็คือเอสเอ็มอีที่ประกอบธุรกิจใน 3 กลุ่ม ได้แก่ การผลิต การค้า และการบริการ หากแต่เป็นเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการเริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ โดยมีแนวคิดหรือโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่สามารถทำซ้ำ (repeatable) และขยายธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดด (Scalable) ซึ่งสตาร์ตอัพส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ จะใช้ไอทีเป็นหัวใจหลักในการประกอบธุรกิจ เพราะไอทีเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจขยายตัวได้อย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ก็เป็นอีกหนึ่งจุดแตกต่างระหว่างสตาร์ตอัพกับเอสเอ็มอี โดยเข้าถึงแหล่งเงินทุนของสตาร์ตอัพนั้น จะใช้วิธีหาเงินทุนจากการนำเสนอไอเดียและโมเดลธุรกิจให้กับนักลงทุน (Venture Capital : VC) ที่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจนั้น เพราะการมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยแห่งความสำเร็จในการเติบโตของสตาร์ตอัพในอนาคต สำหรับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งมีภารกิจส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอี ได้ให้นิยาม “สตาร์ตอัพ” ไว้ว่า “วิสาหกิจเริ่มต้น” ซึ่งหมายถึง บุคคล กลุ่มบุคคล หรือธุรกิจที่เริ่มต้นจากการมีแนวคิด โมเดลทางธุรกิจ เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาชีวิตประจำวัน ธุรกิจ อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อมได้ โดยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างรายได้และผลกำไรของธุรกิจให้ขยายตัวแบบก้าวกระโดดและเติบโตไปสู่ธุรกิจขนาดใหญ่ได้ โดยจุดเน้นของสตาร์ตอัพหรือวิสาหกิจเริ่มต้น ที่ได้รับการดูแลและบ่มเพาะอยู่นั้น จะมีคุณลักษณะสำคัญ ดังนี้ 1) มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมเชิงลึก (Deep Technology) ที่ได้จากการศึกษา วิจัยและพัฒนา และลอกเลียนแบบได้ยาก 2) มีรูปแบบธุรกิจใหม่ที่สามารถแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของตลาด มีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน และเป็นปริมาณที่มากเพียงพอต่อการทำซ้ำและขยายธุรกิจอย่างก้าวกระโดดได้ และ 3) มีเป้าหมายในการขยายตัวและเติบโตทางธุรกิจ พร้อมรับการลงทุนหรือร่วมทุนจากนักลงทุนหรือกองทุนต่างๆ ได้ นอกจากนี้ จะเน้นเรื่องการใช้เครือข่าย (Networking) ซึ่งเป็นจุดแข็งของกรม มาช่วยเติมเต็มในการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้ออำนวยต่อการส่งเสริมและสนับสนุนสตาร์ตอัพให้สามารถเติบโตและประสบความสำเร็จ ซึ่งประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ 1.การขยายเครือข่ายสตาร์ตอัพ โดยการเฟ้นหาสตาร์ตอัพที่มีศักยภาพจากหน่วยงานเครือข่ายจากทั้งสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยต่าง ๆ พร้อมบ่มเพาะให้มีความพร้อมสำหรับการนำเสนอโมเดลธุรกิจกับนักลงทุน 2.การขยายเครือข่ายเงินทุน โดยการสร้างเครือข่ายกับบริษัทเอกชนที่สนใจร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการสตาร์ตอัพที่ได้รับการบ่มเพาะ ด้วยการจัดกิจกรรมเครือข่ายนักธุรกิจอุตสาหกรรมและนักร่วมลงทุน (Industry & Investor Forum) เพื่อให้สตาร์ตอัพมีโอกาสได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน 3.การขยายเครือข่ายตลาด โดยส่งเสริมให้หน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมหรือเครือข่ายธุรกิจอุตสาหกรรมนำโซลูชั่นของสตาร์ตอัพไปใช้งานจริง และเป็นตลาดให้ภายในประเทศ 4.การขยายเครือข่ายวิชาการนานาชาติ โดยการจัดกิจกรรมสร้างเครือข่ายวิชาการระดับนานาชาติในประเทศไทย เชื่อมโยงภาคีเครือข่ายระหว่างสตาร์ตอัพและนักลงทุนไทย กับสตาร์ตอัพและนักลงทุนต่างประเทศ เพื่อให้มีเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดไปยังตลาดนานาชาติที่มีมูลค่าตลาดสูงขึ้น ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ดำเนินโครงการส่งเสริมสตาร์ตอัพทั้งในระยะเริ่มต้น (Early Stage) คือ โครงการ Angel Fund และในระยะเติบโต (Growth Stage) คือ โครงการ Startup Connect มีเครือข่ายสตาร์ตอัพที่บ่มเพาะมาตั้งแต่ปี 2559 และปัจจุบันในปี 2564 มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมมากกว่า 500 ราย โดยมีคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นเถ้าแก่ ผ่านการคัดเลือกและได้รับการบ่มเพาะอย่างเข้มข้นกว่า 75 ราย เพื่อให้พร้อมสำหรับกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) อีกทั้งจะได้นำเสนอโมเดลธุรกิจต่อนักลงทุน (Pitching) เพื่อให้เขาเหล่านี้ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากผู้ร่วมลงทุนที่อยู่ในเครือข่ายของกรมต่อไป โดยในปี 2563 มีสตาร์ตอัพจำนวน 6 ราย ได้นำเสนอโมเดลธุรกิจ และมีนักลงทุนได้ร่วมลงทุนกับสตาร์ตอัพ รวมมูลค่ากว่า 350 ล้านบาท ถือเป็นก้าวสำคัญที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายนี้ หากเราสามารถส่งเสริมและผลักดันให้คนรุ่นใหม่ที่มีฝันอยากทำธุรกิจ ด้วยแนวคิดธุรกิจใหม่ ๆ ให้กลายเป็นสตาร์ตอัพหรือจนเป็นยูนิคอร์นสัญชาติไทยได้ ประเทศไทยจะมีนักรบเศรษฐกิจใหม่ ที่จะช่วยสร้างเศรษฐกิจในไทยให้เข้มแข็ง สร้างรายได้ให้คนไทย และนำพาประเทศก้าวข้ามปัญหากับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปได้อย่างแน่นอน ซึ่งท่านที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของการพัฒนาสตาร์ตอัพได้ที่ Facebook: Angelfundthailand นะครับ ที่มา https://www.matichon.co.th/economy/news_2610890
07 มี.ค. 2564