หมวดหมู่
กสอ. จับมือ สอท. บูรณาการการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ปี 64
กรุงเทพฯ 19 ตุลาคม 2563 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และนายปรีชา ส่งวัฒนา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมคณะทำงานเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาผูประกอบการเอสเอ็มอี ครั้งที่ 2/2563 ร่วมด้วย นายใบน้อย สุวรรณชาตรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ณ ห้องประชุม 601 ชั้น 6 อาคารสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวี การประชุมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อนำเสนอแนวทางการบูรณาการการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมระหว่าง กสอ. และ สอท. รวมถึงการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยผู้แทน กสอ. ได้นำเสนอแผนการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่มุ่งเน้น 4 กลุ่มสำคัญ ประกอบด้วย 1. ผู้ประกอบการ สถานประกอบการ และบุคลากรภาคอุตสาหกรรม 2. ประชาชน แรงงาน และบัณฑิตจบใหม่ 3. ชุมชน/วิสาหกิจชุมชน และ 4. เกษตรกร/ธุรกิจเกษตร โดยตั้งเป้าที่จะพัฒนา 3,356 กิจการ 13,415 คน 77 กลุ่ม และ 982 ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ผู้แทนจาก กสอ. ยังได้นำเสนอแนวทางความร่วมมือเครือข่ายผู้ผลิต ผู้รับจ้างผลิต และผู้ให้บริการเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อบูรณาการความร่วมมือในการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ให้บริการเครื่องจักรกลทางเกษตรผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (IAID Application) ตลอดจนแนวทางการดำเนินงานการให้บริการด้านเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทยอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้แทนจาก สอท. ไดรับฟังและเสนอแนะแนวทางความร่วมมือการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของทาง สอท. ที่จะบูรณาการดำเนินงานร่วมกับ กสอ. ต่อไป ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน /ภาพข่าว
20 ต.ค. 2563
“อธิบดีณัฐพล” นำเหล่าข้าราชการ กสอ. ร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดคฤหบดี
กรุงเทพฯ 16 ตุลาคม 2563 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ นายใบน้อย สุวรรณชาตรี นายเจตนิพิฐ รอดภัย และคณะผู้บริหารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2563 แด่พระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดคฤหบดี บางพลัด ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี โดยมี นายธีระยุทธ วานิชชัง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีดังกล่าว ร่วมด้วย นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้มีจิตศรัทธา เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยยอดเงินที่ถวายผ้าพระกฐินครั้งนี้ทั้งสิ้น 7,626,005.23 บาท ทั้งนี้ กฐินพระราชทาน เป็นกฐินที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานผ้าของหลวงแก่ผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทานเพื่อไปถวายยังวัดหลวง นอกจากวัดสำคัญที่ทรงกำหนดไว้ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระองค์เอง แต่ปัจจุบันวัดหลวงมีจำนวนมาก จึงเกิดกฐินพระราชทาน เพื่อเปิดโอกาสให้กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ตลอดจนคณะบุคคลหรือบุคลากรที่สมควรรับพระราชทานผ้ากฐินไปถวายได้ และผู้ที่ได้รับพระราชทานจะเพิ่มไทยธรรมเป็นส่วนตัวโดยเสด็จพระราชกุศลด้วยตามกำลังศรัทธา ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน /ภาพข่าว
16 ต.ค. 2563
ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เข้าร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
เฝ้ารับเสด็จ - กรุงเทพฯ 14 ตุลาคม 2563 - เหล่าข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เข้าร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีในการเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจาก พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงตั้งเปรียญธรรม 9 ประโยค และเปรียญธรรม 6 ประโยค แก่พระภิกษุ สามเณร ที่สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค และเปรียญธรรม 6 ประโยค ประจำปี 2563 ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร ### PR.DIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน /ภาพข่าว
15 ต.ค. 2563
กสอ. ประเมินความคุ้มค่าภารกิจ พร้อมเตรียมกำลังพลเดินหน้าทำงานปี 64
กรุงเทพฯ 14 ตุลาคม 2563 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุมสรุปผลประเมินความคุ้มค่าการดำเนินงานโครงการและกิจกรรมของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ร่วมด้วย ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ กสอ. ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และทีมที่ปรึกษา บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าร่วม ณ ห้อง Royal Maneeya A (M Floor) โรงแรมเรเนซองส์ ราชประสงค์ การประชุมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อชี้แจงผลการดำเนินงานให้ผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ และนำไปปรับปรุงการดำเนินงานต่อไป ให้สอดคล้องกับภารกิจของงาน ตลอดจนสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์และผลผลิตตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ที่สมดุลกับทรัพยากรที่ใช้อย่างคุ้มค่าต่อไป ### PR.DIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน /ภาพข่าว
15 ต.ค. 2563
กสอ. ร่วมน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ วันคล้ายวันสวรรคต รัชกาลที่ 9
กรุงเทพฯ 13 ตุลาคม 2563 – นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมพิธีถวายบังคม เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 9 โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ร่วมด้วย ประธานรัฐสภาประศาลฎีกา ประธานองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการตุลาการ ผู้บัญชาการเหล่าทัพและตำรวจ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เข้าร่วมพิธีดังกล่าว ณ ท้องสนามหลวง ### PR.DIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน /ภาพข่าว
15 ต.ค. 2563
TEST_LIST ที่ 2
09 ต.ค. 2563
Test_List ที่ 1
09 ต.ค. 2563
กสอ. เสริมแกร่งมาตรฐานผู้ประกอบการเกษตร พร้อมดึงสินค้าขึ้นห้างฯ ชั้นนำ ตั้งเป้าสร้างมาตรฐานสากลให้ได้ 100 กิจการภายในปี 64
กรุงเทพฯ 8 ตุลาคม 2563 – นายใบน้อย สุวรรณชาตรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานในงานสัมมนาสรุปผลการดำเนินโครงการและกิจกรรมสร้างโอกาสและช่องทางการตลาดให้กับ SMEs ร่วมด้วย ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กลุ่มผู้ประกอบการและสื่อมวลชน โดยมี นางสาวอริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กสอ. กล่าวรายงาน ณ โรงแรมเซ็นทรา บายเซนทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินงานภายใต้ กิจกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระบบมาตรฐานสากล เพื่อมุ่งมั่นสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและอุตสาหกรรมสนับสนุนที่เกี่ยวข้องให้ได้รับมาตรฐานสากล เกิดการประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจขยายโอกาสทางการตลาดและสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยได้ดำเนินการถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้คำปรึกษาแนะนำ ประเมินความพร้อมเพื่อตรวจประเมินขอการรับรองมาตรฐานแก่สถานประกอบการ ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้มีความพร้อมและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการมอบรางวัล ให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐานสากล จำนวน 10 กิจการ ตลอดจนจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างผู้ประกอบการเกษตรจำนวน 30 ราย ร่วมกับ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เพื่อได้มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้น โดยจะพิจารณาผู้ประกอบการจากคุณภาพสินค้า กระบวนการผลิตและการได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เพื่อการันตีคุณภาพผลิตภัณฑ์ จะช่วยให้การจำหน่ายสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีผลต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น สำหรับการดำเนินงานในปีนี้ กสอ. ได้เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการให้ได้รับมาตรฐานระบบต่าง ๆ ที่รับการตรวจประเมินจากหน่วยงานให้การรับรอง (Third Party Audit) และในปี 2564 ยังได้ตั้งเป้าขยายการส่งเสริมผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อ 100 กิจการ เพื่อให้ได้รับมาตรฐานสากลในทุกภูมิภาค ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
08 ต.ค. 2563
การขยายตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย
สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการต่างก็มุ่งหวังว่า “ยอดขายของกิจการจะเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี” ซึ่งในความเป็นจริงก็สามารถทำได้โดยการขยายตลาดหรือหาลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าหากในกรณีของตลาดที่อิ่มตัวแล้วการเพิ่มยอดขายก็ดูจะเป็นการยากมิใช่น้อยเลยทีเดียว แล้วอย่างนี้ “เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการจะมีวิธีการขยายตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายของกิจการได้อย่างไร?” ก่อนที่จะคิดเพิ่มยอดขายในแต่ละปีให้มีมูลค่าที่มากขึ้น เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการควรที่จะหาวิธีในการขยายตลาดในปัจจุบันให้ได้มากขึ้นเสียก่อน เพราะว่าหากตลาดใหญ่ขึ้นแล้วมูลค่ายอดขายก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ลองคิดดูว่าประเทศไทยมีประชากรประมาณ 60 ล้านคน ขอแค่ 5% หรือประมาณ 3 ล้านคน จ่ายเงินซื้อสินค้าของท่านเพียงคนละ 10 บาทต่อเดือน บริษัทท่านก็จะมียอดขายต่อเดือนถึง 30 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งเป็นวิธีเปรียบเทียบง่ายๆ ให้เห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่างขนาดตลาดกับรายได้ของกิจการ สำหรับการขยายตลาดหรือเพิ่มยอดขายนั้น จะต้องพิจารณาก่อนว่าตลาดที่เพิ่มขึ้นนั้น จะมาจากลูกค้ากลุ่มไหน โดยพิจารณาจากลูกค้า 3 กลุ่ม ดังนี้ 1. การขยายตลาดจากลูกค้าเดิม หลักสำคัญคือ “ท่านจงรักษาลูกค้าเก่าของท่านไว้ให้นานที่สุด” เพราะลูกค้าเก่านี้เองที่จะซื้อสินค้าของท่านอยู่เป็นประจำ เท่านั้นยังไม่พอ ถ้าสามารถทำให้ลูกค้าเดิมหรือขาประจำมาซื้อสินค้าของเรามากขึ้น เพียงเท่านี้ยอดขายของกิจการก็มากขึ้นแล้ว ซึ่งสามารถทำได้โดย “การกระตุ้นให้เพิ่มความถี่ในการซื้อหรือใช้สินค้า” ตัวอย่างเช่น โอวัลติน ที่เคยจัดแคมเปญ “Drink twice…Grow twice” ที่สร้างพฤติกรรมใหม่สำหรับกลุ่มเด็กจากเดิมที่ดื่มวันละ 1 ครั้งในช่วงเช้า มาเป็นการดื่มวันละ 2 ครั้ง คือ เช้าและก่อนนอน หรือธุรกิจยาสีฟันที่พยายามโฆษณาให้แปรงฟันบ่อยๆ ทุกครั้งหลังอาหารแทนการแปรงวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและก่อนนอน ซึ่งถ้าลูกค้าแปรงฟันเพิ่ม 1 ครั้งตอนกลางวันแค่นี้ยอดขายก็เพิ่มขึ้นมากแล้ว ธุรกิจบางแห่งเลือกที่จัดโปรโมชั่นโดยให้ส่วนลดพิเศษในบางวันหรือในบางช่วงเวลา ซึ่งโดยปกติแล้วเป็นช่วงที่มีลูกค้าน้อย อาทิ ร้าน S&P ที่ลด 20 % ทุกวันพุธ หรือโรงภาพยนตร์บางแห่งให้ส่วนลดสำหรับวันธรรมดาเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามาดูในช่วงวันธรรมดาเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจโบว์ลิ่งที่จัดโปรโมชั่นช่วงปิดเทอมให้กลุ่มนักเรียนนักศึกษาโดยลดราคาทุกวันจันทร์-ศุกร์ ก่อนเวลา 18.00 น. เป็นต้น นอกจากการกระตุ้นในลูกค้าซื้อสินค้าบ่อยขึ้นแล้ว บางกิจการก็กระตุ้นให้ลูกค้า “เพิ่มปริมาณการซื้อต่อครั้ง” โดยร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่จัดเมนูเป็นชุดเซตในราคาพิเศษ เช่น อาหาร 1 อย่างรวมเครื่องดื่มราคาชุดละ 40-60 บาท ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าและประหยัดเงินกว่า หรือในกรณีของร้าน 7&11 ก็มักจะมีสินค้าโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าครบ 40 บาทได้เลือกซื้อ ซึ่งก็ช่วยกระตุ้นการซื้อของลูกค้าได้มากทีเดียว อีกตัวอย่างที่น่าสนใจก็คือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบ Buy 2 Get 1 Free หรือซื้อ 3 ชิ้นราคา 199 บาท หรือ 299 บาท ในร้านบูทส์หรือวัตสัน ก็ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อในปริมาณมากกว่าที่ตั้งใจไว้ 2. การขยายตลาดจากลูกค้าใหม่ ที่ไม่ได้เคยเป็นลูกค้าของกิจการหรือไม่เคยซื้อสินค้ามาก่อนเลย เช่น การขยายสาขาของห้างสรรพสินค้า หรือดิสเคานต์สโตร์ จากกรุงเทพฯ ไปสู่ต่างจังหวัด ก็เป็นการรุกเพื่อขยายตลาดในต่างจังหวัด สำหรับธุรกิจที่เริ่มจากการขายสินค้าภายในประเทศก็มีการส่งออกสินค้าไปขายใน ต่างประเทศ ทำให้ฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นรวมถึงรายได้ที่มากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น บริษัท สยาม รีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ได้ขยายกิจการไปเปิดให้บริการศูนย์การค้าเทอร์มินอล ทเวนตี้วัน ที่โคราช (Terminal 21 Korat) ผลิตภัณฑ์เถ้าแก่น้อย ที่ส่งสินค้าไปขายในตลาดสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นต้น ห้างสรรพสินค้าและธนาคารพาณิชย์ของไทยก็มีการขยายสาขาไปต่างประเทศ หรือกรณีของสินค้าครีมบำรุงผิวที่เจาะกลุ่มผู้หญิงก็เพิ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชาย หรือแม้กระทั่งใบมีดโกนยิลเลตต์สำหรับกลุ่มผู้ชายก็ยังมีการขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้หญิงอีกด้วย สำหรับธุรกิจขนาดเล็กอย่างร้านอาหารก็สามารถขยายตลาดได้ จากเดิมที่เน้นการขายให้แก่กลุ่มลูกค้าที่มารับประทานภายในร้านก็ขยายตลาดไป ในธุรกิจอาหารกล่องที่มีบริการจัดส่งถึงที่ รวมถึงอาจมีการให้บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ในงานประชุมสัมมนา หรือการจัดของว่างพร้อมเครื่องดื่มในงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ก็จะเป็นอีกแนวทางในการขยายตลาดให้มากขึ้นได้ 3. การขยายตลาดจากลูกค้าคู่แข่ง เป็นการแย่งชิงลูกค้าของคู่แข่งให้มาเป็นลูกค้าของเรานั่นเอง ส่วนใหญ่แล้วก็จะใช้การส่งเสริมการขายโดยเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าของคู่แข่ง ซึ่งโปรโมชั่นส่งเสริมการขายนี้อาจจะมีหลายรูปแบบ เช่น การนำแอร์เก่ายี่ห้อใดก็ได้มาแลกซื้อแอร์ใหม่ หรือการนำบรรจุภัณฑ์ของยี่ห้ออื่นมาแลกซื้อสินค้าจะได้รับส่วนลดพิเศษ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ถือเป็นโอกาสที่ดีในการแย่งชิงฐานลูกค้ามาจากคู่แข่ง เนื่องจากลูกค้าในช่วงนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ทำให้เริ่มปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมในการบริโภค โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าที่ได้รับเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าเงินที่จ่ายไป ซึ่งหากกิจการสามารถใช้โอกาสในช่วงนี้โน้มน้าวจิตใจให้ลูกค้าเปลี่ยนใจมา ซื้อสินค้าของเราได้ก็จะนำไปสู่การเติบโตของฐานลูกค้าในระยะยาวได้ การออกสินค้าเฮาส์แบรนด์ (Housebrand) หรือแบรนด์ที่ตนเองเป็นเจ้าของ ก็เป็นกลยุทธ์ที่กลุ่มดิสเคานต์สโตร์นำมาใช้เพื่อแย่งชิงฐานลูกค้าจากแบรนด์ ที่ติดตลาด เช่น สินค้าเฮาส์แบรนด์ของเทสโก้โลตัสและบิ๊กซี ที่เน้นความคุ้มค่า ราคาประหยัด เหมาะสมกับคุณภาพสินค้า อีกตัวอย่างที่น่าสนใจในกรณีของ โฮมโปร (HomePro) ที่ขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด แล้วใช้กลยุทธ์เด็ดชิงลูกค้ารายย่อยจากร้านค้าวัสดุก่อสร้าง โดยชูบริการครบวงจรทั้งก่อนและหลังการขาย อีกทั้งมีการอัดแคมเปญตลอดปี ซึ่งเป็นผลมาจากการศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าทั่วไปที่ต้องการ สินค้าราคาถูกและบริการที่ครบวงจร รวมถึงต้องการเลือกซื้อสินค้าหลายๆ ยี่ห้อ เพื่อเปรียบเทียบราคาก่อนการตัดสินใจซื้อ จุดนี้เองที่เป็นข้อด้อยของร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไป ที่มีสินค้าน้อยไม่หลากหลาย ขาดการบริการภายในร้านและบริการหลังการขายที่ดี ในขณะที่โฮมโปรมีสินค้าให้เลือกมากมาย มีการบริการครบวงจร อีกทั้งยังเป็นห้องแอร์ให้ลูกค้าเดินเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสบาย หวังว่าท่านผู้อ่านน่าจะพอเห็นแนวทางในการขยายตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายกันแล้วนะคะ สิ่งสำคัญที่อยากจะเน้นก็คือ “การขยายฐานตลาด ควรพิจารณาถึงความพร้อมในด้านการผลิต รวมถึงคุณภาพของสินค้าที่ได้มาตรฐานและการบริการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ” เพื่อให้ธุรกิจของท่านก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
08 ต.ค. 2563