Category
เชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตอย่างยั่งยืน
กองทุนพัฒนา SME ตามแนวประชารัฐ สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ขอเชิญชวนผู้ประกอบการ SME เข้าร่วมโครง การยกระดับประสิทธิภาพการผลิตอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับขีดความสามารถของ SME ในการปรับปรุงการผลิต/การบริการให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมาย อุตสาหกรรม S-Curve อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คุณนัยนา 02 6195 5000 ต่อ 104 naiyana@ftpi.or.th
30 ต.ค. 2024
เชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมอบรม วางแผนจำลองธุรกิจมืออาชีพและข้อกฎหมายสินค้า-บรรจุภัณฑ์
ข่าวประชาสัมพันธ์ จากศูนย์เครือข่ายธุรกิจ (บิสคลับ) สุราษฎร์ธานี เชิญอบรมวางแผนจำลองธุรกิจมืออาชีพและข้อกฎหมายสินค้า-บรรจุภัณฑ์ ระหว่างวันที่ 7 - 8 พฤศจิกายน 2567 ณ สำนักงานพาณิชย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน-นิติบุคคล และผู้สนใจทั่วไป หัวข้ออบรมสำคัญ Story Telling สร้างคุณค่าท้องถิ่นสู่สากลยั่งยืน แผนธุรกิจเชิงกลยุทธ์การวิเคราะห์ลูกค้าเป้าหมาย แผนปกป้อง เพื่อป้องกันสินค้าเชิงกลยุทธ์ แผนธุรกิจมืออาชีพ วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง ใบรับรองมาตรฐาน รองรับตลาดการค้าไทย-เทศ ข้อกฏหมายฉบับมาตราใหม่กับผลกระทบธุรกิจ สร้างโอกาสทางธุรกิจเข้าสู่ Modern Trade ทั้งภายในประเทศและเตรียมพร้อมสู่การเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดย Biz Club สุราษฎร์ธานี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คุณยุ้ย ประธานบิสคลับ สุราษฎร์ธานี 09 5456 2964
30 ต.ค. 2024
เชิญสมัครเข้าร่วมโครงการ Biz Level Up From CREATOR TO CHARACTER (CxC)
ขอเชิญชวนสมัครเข้าร่วมโครงการ Biz Level Up From CREATOR TO CHARACTER (CxC) ดำเนินการโดย : ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กิจกรรม : พัฒนาศักยภาพนักสร้างสรรค์และธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ในกลุ่มคาแรคเตอร์ ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ล้านนาสู่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Creative LANNA Forward) กิจกรรมโครงการ WORKSHOP : เรียนรู้เทคนิคและแนวคิดจากวิทยากรชั้นนำของประเทศไทย CONSULT : รับคำปรึกษาเชิงลึกเพื่อพัฒนาศักยภาพของคุณ MATCHING : จับคู่ระหว่าง SMEs และ Creator เพื่อรังสรรค์ผลงานสื่อ PROTOTYPE : สร้าง/รับผลิตภัณฑ์ต้นแบบคาแรคเตอร์ที่ได้รับการพัฒนา PITCHING : ชิงรางวัลประกวดผลงานชนะเลิศ มูลค่ารวมกว่า 120,000 บาท !! คุณสมบัติของผู้สมัคร โครงการรับสมัครจำนวนจำกัด เพียง 30 ท่าน เท่านั้น โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มผู้เข้าร่วม กลุ่มที่ 1️ CREATOR (นักสร้างสรรค์) เป็นนักสร้างสรรค์คาแรคเตอร์ (Character Creators) อาทิ Graphic Designer, Illustrator, Artists, Product Designer, Photographer ที่มีความสามารถ ประสบการณ์ ด้านการออกแบบคาแรคเตอร์ หรือ เป็นนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ (Content Creators) อาทิ Media Creator, Tiktoker, Influencers, Youtuber, Instagrammer ที่มีความสามารถ ประสบการณ์ ด้านการออกคอนเทนต์ หรือ สื่อมัลติมีเดีย เคยมีผลงานการออกแบบคอนเทนต์ หรือ ออกแบบคาแรคเตอร์ อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน หรือ ลำปาง รับเพียง 20 ท่าน เท่านั้น สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ CREATOR กลุ่มที่ 2️ SMEs ที่ต้องการสร้างคาแรคเตอร์ (Character) จดทะเบียนนิติบุคคล หรือ ทะเบียนพาณิชย์ ประกอบกิจการในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน หรือ ลำปาง มีผลิตภัณฑ์ (สินค้า/บริการ) เชิงพาณิชย์ ต้องการต่อยอดผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม มีแนวคิดต้องการพัฒนาคาแรคเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ อยู่ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รับเพียง 10 กิจการเท่านั้น สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ ระยะเวลาโครงการ 5 พฤศจิกายน 2567 - 20 เมษายน 2568 เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ - 30 ตุลาคม 2567 นี้เท่านั้น ทุกกิจกรรมจัดที่โรงแรมชั้นนำในตัวเมืองเชียงใหม่ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นสำหรับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ โดยมีรายละเอียดช่วงเวลาโครงการโดยสังเขปดังนี้ WORKSHOP - ทุกวัน อังคาร และ พุธ ในเดือน พ.ย. 67 CONSULT - 3-6 ครั้ง ระหว่าง ธ.ค. 67 - ก.พ. 68 MATCHING - 18, 19, 20 มี.ค. 68 PITCHING - 25 มี.ค. 68 SHOWCASE - 19, 20 เม.ย. 68 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 09 5631 3331 08 6918 5553 08 0124 7099 08 3760 1306
29 ต.ค. 2024
"เอกนัฏ" ลุยตรวจพื้นที่อยุธยา ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา ลั่นเอาผิดผู้ลักลอบและเพิ่มโทษทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด!
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา : 25 ตุลาคม 2567 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายวัชระ กระแสร์ฉัตร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวัชรุน จุ้ยจำลอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นางสาวศิรกาญจน์ เหลืองสกุล ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม นายธีระ แก้วพิมล อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจราชการ อำเภอภาชีและอำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมใน 2 พื้นที่ คือ 1) โกดังเก็บของเสียและวัตถุอันตราย อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมประมาณ 4,000 ตัน ถูกเททิ้งอยู่โดยรอบอาคารโกดังเก็บของเสียอันตรายจำนวน 5 โกดัง และมีการลอบวางเพลิงเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ทำให้เกิดปัญหาการแพร่กระจายของมลพิษ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจัดทำคันดินป้องกันการรั่วซึมและการชะล้างสารเคมีในช่วงฤดูฝน และได้ว่าจ้างบริษัทผู้รับกำจัดเข้าทำการบำบัดกำจัดกากของเสียและสารอันตรายในระยะเร่งด่วน ด้วยงบประมาณ 6.9 ล้านบาท โดยได้เริ่มเข้าดำเนินการตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2567 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในเบื้องต้น 2) บริษัท เอกอุทัย จำกัด อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบการเททิ้งของเสียบริเวณหน้าพื้นที่โรงงาน มีร่องรอยการเททิ้งของเหลวที่เป็นวัตถุอันตรายที่มีสภาพเป็นกรดเข้มข้นเต็มพื้นที่บริเวณโรงงาน ซึ่งปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมได้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน พร้อมดำเนินคดี และสั่งการให้บริษัทฯ นำกากของเสียและสารอันตรายไปกำจัดและบำบัดให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน จึงได้จัดทำคันดินป้องกันการรั่วซึมและการชะล้างสารเคมีในช่วงฤดูฝน และได้ว่าจ้างบริษัทผู้รับกำจัดเข้าทำการบำบัดกำจัดกากของเสียและสารอันตรายในระยะเร่งด่วน ด้วยงบประมาณ 4 ล้านบาท โดยได้เริ่มเข้าดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2567 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในเบื้องต้น “กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมทั้งระบบ โดยการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้มีการป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว รัดกุม และครอบคลุมถึงการบรรเทาเยียวผู้ที่ได้รับผลกระทบตลอดจนการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันกำลังเร่งดำเนินการยกร่าง กฎหมายเพื่อการจัดการกากอุตสาหกรรม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดตั้งกองทุนเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรม นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะทำการตรวจสอบกำกับดูแล เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาลักลอบทิ้งกากของเสียจากภาคอุตสาหกรรมเชิงรุกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ตรวจกำกับ สั่งการ เพิกถอนใบอนุญาต และขอยืนยันว่าจะมีการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิดจนถึงที่สุด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปิดท้าย
28 ต.ค. 2024
"เอกนัฏ" ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอยุธยา ย้ำพื้นที่เศรษฐกิจปลอดภัย พร้อมรับมือน้ำหลากเต็มพิกัด
25 ตุลาคม 2567 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายวัชรุน จุ้ยจำลอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายวัชระ กระแสร์ฉัตร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายธีระ แก้วพิมล อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายธนกฤต โพธิ์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นายสุโชติ ศิริยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมนครหลวง และ นางสาวกรชวัล สังข์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าร่วม เพื่อติดตามการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่เพื่อป้องกันผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและประเทศ “การลงพื้นที่วันนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ทางนิคมฯ เขตประกอบการฯ สวนอุตสหากรรม และโรงงานต่าง ๆ มีการเตรียมความพร้อมที่ดีและเพียงพอต่อการรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่มีแนวโน้มว่าจะค่อนข้างรุนแรงกว่าปีก่อน แม้ว่าขณะนี้พื้นที่โดยรอบของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยบ้างแล้ว แต่พื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม สวนอุตสาหรรม ตั้งอยู่ยังไม่ได้รับผลกระทบ และขอให้เชื่อมั่นว่าเราได้เตรียมการรับมืออย่างเต็มกำลัง มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย และได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำหลากอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและประชาชน ด้วย 8 มาตรการหลัก ได้แก่ 1.จัดการระบบระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ 2.เสริมคันกั้นน้ำ 3.ระบบสูบน้ำพร้อมใช้ 4.อุปกรณ์ครบพร้อมช่วยเหลือ 5.ติดตามสถานการณ์ 24 ชั่วโมง 6.เฝ้าระวังประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง 7.ซ้อมแผนรับมือเป็นประจำ และ 8.สื่อสารแจ้งเตือนผ่านทุกช่องทาง“ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
28 ต.ค. 2024
"ดีพร้อม" เปิดบ้านต้อนรับหน่วยงานพันธมิตร พัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์อัจฉริยะและโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ ตามนโยบาย "รมต.เอกนัฏ"
กรุงเทพฯ 24 ตุลาคม 2567 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานต้อนรับหน่วยงานพันธมิตรเครือข่ายด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ร่วมด้วย 1) ดร.ปิยะนุช สัมฤทธิ์ นายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย 2) ดร. ศรีสลา ภวมัยกุล รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย 3) นายธรรศ ทังสมบัติ นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป 4) รศ.รังสรรค์ เลิศในสัตย์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น 5) นายดำริ นามพญา กรรมการผู้จัดการบริษัท ดิจิวิว แอดเวอร์ไทซิ่ง กรุ๊ป จำกัด 6) นายศิริชัย เบ็ญจพรเลิศ ทายาทรุ่นที่ 3 ของบริษัท โง้วเจงง้วน จำกัด พร้อมด้วย นายมนตรี วงค์มั่นกิจการ ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมดังกล่าว เป็นการหารือการดำเนินงานของดีพร้อม ตามนโยบาย “การปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่“ ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในการ “สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” โดยการปฏิรูปอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ผ่านการบูรณาการกับหน่วยงานพันธมิตรเครือข่ายโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ประกอบด้วย สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย ผู้ให้บริการการขนส่งสินค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ผู้ให้บริการ/ส่งเสริมให้มีบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบวิสาหกิจอันเกี่ยวกับผลิตอาหารและอาหารสำเร็จรูป สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น หน่วยงานการศึกษาที่มีการต่อยอดการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมประยุกต์ใช้กับการพัฒนาโลจิสติกส์และโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรม บริษัท ดิจิวิว แอดเวอร์ไทซิ่ง กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดงาน Thailand Industrial Fair งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยี เครื่องจักร และบริการโลจิสติกส์ครบวงจร และบริษัท โง้วเจงง้วน จำกัด ผู้ผลิตน้ำเต้าหู้แบรนด์ ‘ฟองฟอง’ น้ำเต้าหู้ผสมฟองเต้าหู้เจ้าแรกของไทยที่ได้นำระบบโลจิกติกส์และโซ่อุปทานมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ ซึ่งพันธมิตรเหล่านี้จะสามารถช่วยจะขับเคลื่อนสร้างเครือข่าย และความร่วมมือต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการยกระดับคุณภาพมาตรฐานในการประกอบการขนส่งสินค้า โลจิสติกส์และโซ่อุปทาน โดยการนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีให้เข้าถึงผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืน ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการนำพันธมิตรเครือข่ายโลจิสติกส์และโซ่อุปทานมายกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศในสาขาต่าง ๆ อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม เกษตรแปรรูป ที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ซึ่งจะช่วยยกระดับ เพื่อเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการเชื่อมโยงผู้ผลิตวัตถุดิบภายในประเทศกับโซ่อุปทานการผลิตของโลกได้ รวมถึงการสร้างผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ เพื่อส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพให้สถานประกอบการมีการจัดการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
28 ต.ค. 2024
ปลัดฯ ณัฐพล เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ร.5 ณ วัดเบญจมบพิตร
กรุงเทพ 23 ตุลาคม 2567 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุรพล ชามาตย์ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมด้านกำกับตรวจสอบการประกอบการ คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม นายมานัส ทารัตน์ใจ ที่ปรึกษากรมการศาสนา และประชาชนทั่วไปเข้าร่วม น้อมลำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ณ พระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร กิจกรรมในงานบำเพ็ญกุศลนี้ จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า โดยมีการตักบาตรและทำบุญอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันที่ 23 ตุลาคม อันเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระองค์ ภายในงาน มีการประกอบศาสนกิจต่าง ๆ อาทิ การสวดมนต์ การถวายจตุปัจจัยไทยธรรม และการเทศน์ธรรมเทศนา โดยมีศิษยานุศิษย์ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม มูลนิธิเบญจมบพิตร และสมาคมเบญจมบพิตร เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงกัน พิธีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเคารพรักและความกตัญญูกตเวทีต่อพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
24 ต.ค. 2024
"รมต.เอกนัฏ" สั่งการ ก.อุตฯ รุดลงพื้นที่ภาคเหนือกางแผนความช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู วางมาตรการทางการเงินให้แก่โรงงานและประชาชนที่ได้รับกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย
จ.เชียงใหม่-ลำปาง 21-22 ตุลาคม 2567 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพื่อชุมชน (MIND COMM) พร้อมอาคารศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคเหนือ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายเตมีย์ พันธุ์วงค์ราช ผู้อำนวยการกองตรวจราชการ นายสุรพล ปลื้มใจ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 นายมนตรี วงค์มั่นกิจการ ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม นางพัชรี สองสีโย อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ นายประสิทธิ์ ศรีพรหม อุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง นายเจษฎา ถาวรศักดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรม นายกิตติโชติ ศุภกำเนิด ผู้อำนวยการกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม นางสาวธนิตา ทองเงา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคเหนือ นายอนุพงษ์ แสงอรุณทอง ผู้อำนวยการอาวุโสภาค 1 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย นายชัยยุทธ สุขเสริม ผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขต 3 คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2567 ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชนเป็นอย่างมาก กระทรวงอุตสาหกรรม โดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) จัดทำแผนเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย โดยในเบื้องต้นมีข้อมูลความเสียหายของโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย โรงงานที่ได้รับกระทบ จำนวน 35 โรงงาน ส่งผลกระทบต่อมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 170 ล้านบาท ซึ่ง อก. โดย สอจ.เชียงใหม่ ร่วมกับ ศภ.1 กสอ. ได้มีมาตรการช่วยเหลือ ดังนี้ 1) มาตรการส่งธารน้ำใจไปยังโรงงานและผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย ประกอบด้วย การมอบถุงยังชีพ กล่องส้วมกระดาษ น้ำดื่ม ข้าวสาร กล่องใส่อาหารพลาสติก และชุดเครื่องปรุง พร้อมมอบเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทำความสะอาด และเลี้ยงอาหารกลางวัน และ 2) มาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูได้ร่วมกันทำความสะอาดสถานประกอบการ และประสานงานขอรถขนน้ำ/ฉีดน้ำแรงดันสูง ทั้งจากผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและสำนักงานเทศบาลจากจังหวัดข้างเคียง เพื่อเข้าช่วยเหลือหน่วยงานราชการและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมหลังน้ำลดเกิดเป็นตะกอนดิน และ 3) มาตรการทางการเงิน (1) กรณีเป็นลูกค้าที่ได้รับผลกระโดยตรง - พักชำระหนี้ ต้นและดอกเบี้ย 12 เดือน เงินกู้ฉุกเฉิน รายละไม่เกิน 200,000 บาท เพื่อฟื้นฟูกิจการ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เงินกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) รายละ 2,000,000 บาท และเงินให้สินเชื่อ Green Productivity เพื่อซื้อเครื่องจักร ดอกเบี้ยต่ำวงเงินรายละ 10 ล้านบาท (2) กรณีเป็นลูกค้าได้รับผลกระทบทางอ้อม - พักชำระหนี้ ต้นและดอกเบี้ย 12 เดือน และ (3) กรณีลูกค้าสินเชื่อกองทุนพัฒนาตามแนวประชารัฐ - พักชำระหนี้ เงินต้น 3 เดือน และสามารถใช้วงเงินสินเชื่อของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ทั้งนี้ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคเหนือ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ โดยสร้างความเสียหายแก่ห้องปฏิบัติงานกลุ่มพัฒนาการส่งเสริมอุตสาหกรรมชุมชน ห้องเงินทุนหมุนเวียน ห้อง DIPROM BSC ห้องแสดงตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ห้อง DIPROM GMP ROOM ห้องศูนย์เรียนรู้กาแฟภาคเหนือ ห้องศูนย์เรียนรู้วิถีไผ่ ห้องหมวดยานยนต์ มอเตอร์ปั๊มน้ำ ระบบไฟฟ้า และครุภัณฑ์สำนักงาน โดยแผ่นลามิเนตหลุดออกจากพื้นเดิมทั้งหมด ผนังห้องเป็นคราบน้ำ โคลนและสีหลุดกร่อนออกจากตัวผนัง ทั้งโต๊ะเก้าอี้ ถูกน้ำ ท่วมชำรุดไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งเบื้องต้นได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กระเบื้องปูพื้น หินคลุกถมพื้นที่ ซ่อมแซมระบบไฟฟ้าภายในและภายนอกอาคาร รถฉีดน้ำแรงดันสูงสำหรับทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกอาคารทั้งหมด ซ่อมบำรุงเครื่องมือ และอุปกรณ์เครื่องจักรภายในห้อง DIPROM ITC หลังจากนั้น ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่จังหวัดลำปาง ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อเตรียมการป้องกันเหตุอุทกภัยจากวัสดุป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ (Natural Disaster Protection Meterials) เช่น วัสดุกำแพงป้องกันน้ำท่วม โดยวัสดุผลิตจากเศษขยะพลาสติกที่เหลือทิ้ง นำมาบดขึ้นรูปใหม่ ซึ่งมีคุณสมบัติในการกั้นน้ำ มีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม อายุใช้งานมากกว่า 10 ปี ลดภาระการใช้กระสอบทราย รับน้ำหนักได้ถึง 225 กิโลกรัม จัดเก็บรักษาได้ง่ายกว่ากระสอบทรายทั่วไป
24 ต.ค. 2024
"ดีพร้อม" ร่วมประชุม กมอ. เร่งพิจารณาร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
กรุงเทพฯ 22 ตุลาคม 2567 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มอบหมายให้ นายวัชรุน จุ้ยจำลอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นผู้แทนเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) ครั้งที่ 741-10/2567 พร้อมด้วย นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ และคณะกรรมการฯ เข้าร่วม โดยมี นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุม 230 ชั้น 2 อาคารสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) การประชุมในครั้งนี้ เพื่อรายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของ กมอ. และการดำเนินการแต่งตั้งผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมในสาขาต่าง ๆ และรายงานผลการทำผลิตภัณฑ์บางประเภทให้สิ้นสภาพ พร้อมทั้งพิจารณาร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมาตรฐาน สมรรถนะของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพิ่มเติมทั้งสิ้น 79 มาตรฐาน ให้เป็นไปตามมาตรฐาน มอก. ตาม พ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 มาตรา 15 เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภค และอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจ พร้อมกันนี้ ได้ให้ความเห็นชอบรายชื่อมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่จะจัดทำในปี 2568 เพิ่มเติมอีกจำนวน 512 มาตรฐาน
24 ต.ค. 2024
"เอกนัฏ" ล่องใต้ ลงพื้นที่สุราษฎร์ฯ! มอบนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม” สั่งการ “ดีพร้อม” ดึงลงทุนต่างชาติ ขับเคลื่อน SMEs ภาคใต้สู่ความยั่งยืนด้วย BCG
จังหวัดสุราษฎร์ธานี 21 ตุลาคม 2567 - นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หลังลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อมอบนโยบายและรับฟังข้อเสนอแนะจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ 7 จังหวัด (ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา ภูเก็ต กระบี่ และนครศรีธรรมราช) ณ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานภาคเอกชน และมอบนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม” ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น เน้นพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและความยั่งยืน ชี้โอกาสการลงทุนจากความได้เปรียบด้านภูมิรัฐศาสตร์ พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาผังเมืองและมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งในเศรษฐกิจท้องถิ่นและการพัฒนาผู้ประกอบการสู่เวทีโลก นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังการลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 เพื่อมอบนโยบายและรับฟังข้อเสนอแนะจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ตามนโยบาย “การปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่”เร่งการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SME ไทย” โดย “Save อุตสาหกรรมไทย” ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ “การสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจและสงคราม โดยประเทศไทยมีข้อได้เปรียบอย่างมากด้านภูมิรัฐศาสตร์และภูมิอากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติในช่วงเวลาที่หลายประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนจากสถานการณ์โลก กระทรวงอุตสาหกรรมได้กำหนดแนวทางชัดเจนในการใช้ข้อได้เปรียบเหล่านี้เพื่อสร้างโอกาสให้กับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะการพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ นายเอกนัฏ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการประชุมดังกล่าวตัวแทนภาคเอกชนได้นำเสนอประเด็นปัญหาของจังหวัดสุราษฎร์ธานี อาทิ ปัญหาผังเมือง การขับเคลื่อน Climate Change แผนจัดการแรงงานที่เข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในพื้นที่ รวมถึงกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีจุดแข็งจากการเกษตรและการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พร้อมมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อมก็จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจของพื้นที่ การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในท้องถิ่น โดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนผ่านการส่งเสริมการสร้างเครือข่าย การพัฒนาองค์ความรู้ และการฝึกอบรม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัว พัฒนาธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่าง และแผนการจัดโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมดีพร้อม หรือ คพอ.ดีพร้อม ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในปี 2568 ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงพลัง และศักยภาพของผู้ประกอบการท้องถิ่น รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้เติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป “หนึ่งในนโยบายสำคัญที่กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญ คือ การปฏิรูปและพัฒนาธุรกิจ SMEs ให้มีความยั่งยืน พร้อมมอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการ การส่งเสริมการให้ SMEs ของไทยมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นในระดับสากล ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวงฯ มุ่งมั่นผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ การใช้โมเดล BCG ในภาคอุตสาหกรรมเกษตรเป็นหนึ่งในแนวทางหลักในการยกระดับศักยภาพการผลิตของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ขณะเดียวกันยังช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้ธุรกิจ SMEs ของเราสามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน" นายเอกนัฏ กล่าว ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้เสนอจัดตั้ง กองทุนเพื่อสนับสนุนธุรกิจ SMEs ในการปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนผ่าน โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การหมุนเวียนวัตถุดิบ และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โมเดลนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล โดยมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและแปรรูป ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมนี้สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรและขยายตลาดได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีแผนการขยายผลโมเดล BCG สู่ อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่มุ่งเน้นการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนในระยะยาว ถือเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นและ SMEs ของไทย เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายในยุคปัจจุบันและอนาคต และเพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เน้นความยั่งยืนและนวัตกรรมอย่างแท้จริง นายเอกนัฏ กล่าวทิ้งท้าย
21 ต.ค. 2024